บทสัมภาษณ์ โรเบิร์ต แพททินสัน จากหนังใหม่ Cosmopolis!!
2012-07-05 17:18:46
Advertisement
Pyramid Game

บทสัมภาษณ์ โรเบิร์ต แพททินสัน จากหนังใหม่ Cosmopolis!!
Cosmopolis เป็นเรื่องราวของ เอริค แพ็คเกอร์ (โรเบิร์ต แพททินสัน) เศรษฐีหนุ่มวัย 28 ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอุดมคติของตัวเอง ที่เดินทางด้วยลิมูซีนส่วนตัวข้ามเมืองแมนฮัตตัน เพื่อไปตัดผมที่ร้านเก่าแก่ซึ่งพ่อของเขาเคยใช้บริการ แต่ในระหว่างการเดินทางข้ามเมือง สายตาของเขาจับจ้องไปที่กร๊าฟค่าเงินต่างประเทศ ที่พุ่งสวนทางกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทุ่มเทลงไป เอริค กำลังสูญเสียอาณาจักรของเขาในแต่ละวินาทีที่ผ่านเลยไป ขณะเดียวกันการก่อจลาจลก็เกิดขึ้นบนท้องถนน อันตรายจากโลกแห่งความเป็นจริงรุนแรงไม่ต่างจากข้อมูลบนจอคอมพิวเตอร์ เอริค กำลังเข้าตาจน ความวิตกจริตถูกสั่งสมขึ้นมากเรื่อยๆ จนทำให้เขาได้รู้จักกับตัวตนอีกด้านที่น่าสะพรึงกลัวของเขาเอง
คุณรู้จักนิยาย Cosmopolis มาก่อนหรือเปล่า
ไม่ครับ แต่ผมเป็นแฟนนิยายเล่มอื่นๆของ ดอน เดอลิลโล ผมได้อ่านครั้งแรกตอนที่ เดวิด โครเน็นเบิร์ก ส่งบทมาให้ผมอ่าน จากนั้นจึงค่อยกลับไปอ่านนิยาย ผมรู้สึกสนใจตรงที่ Cosmopolis น่าจะเป็นหนังสือที่ไม่สามารถดัดแปลงเป็นหนังได้ แต่ผมรู้สึกแตกต่างกับเรื่องนี้ เพราะปกติแล้วเมื่อคุณอ่านบท คุณก็จะเข้าใจว่ามันเกี่ยวกับอะไร จะไปทางไหน และลงเอยอย่างไร แต่กับ Cosmopolis มันมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะยิ่งผมอ่านมากเท่าไร ความมั่นใจของผมในการคาดเดาว่ามันจะพัฒนาไปทางไหนก็ยิ่งลดน้อยลง
อะไรเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจคุณเข้ามาแสดงในหนังมากที่สุด
แน่นอนว่าจะต้องเป็น เดวิด โครเน็นเบิร์ก ผมแสดงหนังมายังไม่ถึงสิบเรื่อง และทุกเรื่องก็ไม่เคยเข้าใกล้กับความคาดหวังและความฝัน เหมือนกับที่ผมได้ทำงานร่วมกับเขา ผมรู้ว่าเขาจะต้องเป็นคนที่มีไอเดียบรรเจิดที่สุด และนี่ก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ผมสนใจสไตล์การเขียนบทของเขา มันเหมือนกับกลอนขนาดยาว ที่คุณจะพบกับสิ่งไม่คาดฝันและการหักมุมอยู่ตลอดเวลา Cosmopolis ไม่ใช่หนังที่อยู่ในแนวทางไหนเลย มันคือหนังแนวใหม่
เมื่อคุณได้อ่านบทครั้งแรก คุณเห็นตัวเองในตัวละครนำเลยหรือเปล่า หรือคุณมีการคิดมาก่อนไหมว่ามันจะออกมาเป็นยังไง
ไม่เลยครับ ครั้งแรกที่ผมได้คุยกับ เดวิด ผมบอกว่าในหัวของผมเหมือนกับผ้าใบสีขาว เขาก็บอกผมว่านั่นคือสิ่งที่ดี ซึ่งผมคิดว่านั่นก็คือข้อดีของ เดวิด เช่นกัน เขาไม่ได้คิดล่วงหน้าไปไกล ทุกสิ่งทุกอย่างถูกพัฒนาตามกระบวนการ และเป็นไปตามธรรมชาติ ทุกอย่างเริ่มต้นจากตัวหนังสือ ก่อนที่ถูกถ่ายทอดโดยภาพเพื่อที่จะทำให้เป็นหนัง มันเป็นกระบวนการที่ยอดเยี่ยม ในช่วงอาทิตย์แรกของการถ่ายทำ พวกเรายังสงสัยกันเลยว่า สุดท้ายแล้วหนังจะออกมาเป็นยังไง
ถึงตอนนี้หนังเสร็จแล้ว คุณคิดว่ามันแตกต่างไปจากที่คุณคิดไหม
พูดยากครับ เพราะหนังสร้างผลกระทบในหลายระดับ ผมดูมาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกผมรู้สึกถึงความเป็นตลกร้ายของมัน ซึ่งผมก็รู้สึกถึงมันระหว่างที่ถ่ายทำ แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผมดูครั้งที่สองความรู้สึกที่วิตกจริตก็เข้ามาครอบงำแทน และทั้งสองครั้งที่ผมดูกับคนดู ปฏิกริยาตอบสนองของพวกเขาก็มีความแตกต่าง ตั้งแต่เสียงหัวเราะจนกระทั่งความตึงเครียด ผมรู้สึกทึ่งกับแนวทางของหนังที่เอื้อมไปถึงผู้ชมในหลายระดับ
ในความคิดของคุณ ใครคือ เอริค แพ็คเกอร์ และคุณจะอธิบายเขาว่ายังไง
สำหรับผม เอริค เป็นใครบางคนที่อยู่ทั้งในโลกแห่งความจริงและโลกเสมือน เขาเหมือนคนที่เกิดจากอีกดาวเคราะห์หนึ่ง และคนที่พยายามค้นหาว่าตัวเองควรใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบไหน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาก็ไม่เข้าใจโลกทั้งสองใบที่หมุนรอบตัวเขาเลย
คุณได้พูดคุยการสร้างตัวละครกับ เดวิด โครเนนเบิร์ก บ้างไหม
ก็มีบ้างครับ แต่เขาชอบให้ผมค้นหาสิ่งที่ยังไม่ถูกอธิบายหรืออธิบายไม่ได้ เขาจะชอบมากเมื่อผมแสดงโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ (หัวเราะ) เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกว่าผมสามารถเชื่อมต่อเหตุและผล หรือเริ่มมีคำอธิบายที่เป็นตรรกะในพฤติกรรมของ เอริค เขาก็จะหยุดผมทันที มันเป็นสไตล์การกำกับที่แปลกที่สุดที่ผมเคยสัมผัส เพราะทั้งหมดมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกมากกว่าความสมเหตุสมผล
คุณมีการเตรียมตัวสำหรับบทยังไง
เดวิด ไม่ชอบการซ้อมบท พวกเราไม่ได้นั่งพูดคุยกันมากมายก่อนถ่ายทำ ผมพบกับทีมนักแสดงคนอื่นเป็นครั้งแรกก็ในกองถ่ายเลย ผมพบพวกเขาตอนที่ เอริค พบกับตัวละครเหล่านั้นครั้งแรกในรถลีมูซีนของเขา มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น ตั้งแต่เริ่มต้นของการถ่ายทำผมก็รู้สึกเหมือน เอริค ที่นั่งอยู่ในรถลีมูซีน ซึ่งเป็นเหมือนบ้านและหลุมหลบภัยของเขา และผมก็เชื้อเชิญให้คนอื่นเข้ามาในพื้นที่ของตัวเอง การได้จับเอาความรู้สึกแบบนี้ทำให้ผมสบายใจมากขึ้น เพราะทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกที่ตัวละครของผมอาศัยอยู่
สิ่งหนึ่งที่พิเศษสำหรับบทนี้ก็คือ คุณได้พบกับตัวละครมากมายตลอดการเดินทาง คุณรู้สึกยังไงบ้าง
ก่อนที่ผมเข้ามาแสดง นักแสดงคนเดียวที่ตอบตกลงก่อนหน้าก็คือ พอล จิอาแม็ตติ ที่ผมคิดว่าเป็นนักแสดงที่สุดยอด แต่หลังจากนั้นทีมนักแสดงก็เต็มไปด้วยยอดฝีมือ จูเลียต บิโนช, ซาแมนธา มอร์ตัน, มาติเยอ อามาลริก และอื่นๆ เข้ามาร่วมแสดง ซึ่งแต่ละคนต่างก็สร้างบุคลิกให้กับตัวละครได้อย่างชัดเจน เดวิด คาดหวังที่จะให้พวกเขาทำสิ่งที่แตกต่างออกไปจากปกติ ทำในสิ่งตรงข้ามกับนิสัยส่วนตัว มันเป็นความท้าทายของสำหรับผมและพวกเขา แต่บางคนก็ทำสิ่งที่เหนือจินตนาการที่สุดในระหว่างถ่ายทำ อย่างเช่น จูเลียต บิโนช ที่คุณจะต้องตกใจกับตัวละครของเธอ
คุณใช้สิ่งไหนมาอ้างอิงหรือไม่ เช่นแนวทางในการแสดงหรือนักแสดงที่คุณได้รับแรงบันดาลใจ
ตรงกันข้ามเลยครับ เพราะผมพยายามอยู่ให้ห่างจากการอ้างอิงถึงอะไรก็ตามที่มีมาก่อนหน้า ผมไม่ต้องการให้ผู้ชมนึกถึงตังละครหรือหนังที่พูดถึงเรื่องของ วอลล์สตรีท, เศรษฐกิจ, และอื่นๆ มันเกี่ยวกับการค้นหาสภาพจิตใจที่เหมาะสมเพื่อนำเอาไปใช้ มากกว่าที่จะพึ่งทัศนคติและแนวทางการแสดงที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
คุณจำได้ไหมว่า โครเนนเบิร์ก มีอะไรที่พิเศษไปกว่าผู้กำกับคนอื่น
เขายืนยันให้พวกเราพูดตามบทที่ถูกเขียนเอาไว้ทุกตัวอักษร โดยบทถือว่ามีจังหวะและอารมณ์ที่หลากหลาย พวกเราต้องพยายามที่จะอ่านออกเสียงตามที่ถูกเขียนเอาไว้ทั้งหมด ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นการทำงานที่ยากมาก ในวันแรกของการถ่ายทำ พอล เจียแมตติ ต้องพูดโมโนล็อคที่น่าจะยาวที่สุดแล้วในหนัง และ เดวิด ก็ถ่ายทำมันแบบลองเทค พวกเขาทำมันสำเร็จภายในครั้งเดียว ผมรู้สึกทึ่งกับความสามารถของ พอล และความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองต้องการของ เดวิด ด้วยแนวทางที่เขามั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือดีที่สุดแล้ว นี่เหมือนกับเป็นห้องเรียนให้กับผม
แล้วคุณชอบการทำงานแบบนี้หรือเปล่า การต้องพูดตามที่ถูกเขียนเอาไว้ในบทแบบทุกตัวอักษร
มันเป็นบางสิ่งที่ผมไม่คุ้นเคย แต่ก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดผมให้เข้ามาแสดงในหนังเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ผมไม่เคยพบกับประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ปกติแล้วบทภาพยนตร์ถือเป็นรากฐานสำหรับนักแสดง ที่จะเป็นแท่นกระโดดให้กับการสร้างตัวละครที่คุณแสดง ในหนังเรื่องก่อนๆของผม บทพูดจะมีความยืดหยุ่น แต่ครั้งนี้มันก็เหมือนกับการแสดงละครเวที เพราะเมื่อคุณอยู่ในละครเวทีของ เช็คสเปียร์ สิ่งที่คุณไม่สามารถทำได้เลยก็คือการเปลี่ยนบทพูด
มันอาจเป็นความคล้ายคลึงที่ตั้งใจ เมื่อรถลีมูซีนก็เป็นเหมือนฉากในละครเวที
ถูกต้องครับ ซึ่งหมายความว่าคุณก็ต้องพร้อมที่จะแสดงในฉากต่อไปเรื่อยๆ ผมใช้เวลานานในการจำบทพูดทั้งหมด ตั้งแต่แรกที่ผมเริ่มต้นเส้นทางจากการเป็นนักแสดงละครเวที ซึ่งก็ผ่านมานานแล้ว มันสร้างความตึงเครียดและคุณก็ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แต่มันก็เป็นเรื่องดี ผมต้องเข้าใจในบท จำบทพูดหลายสิบหน้า และมีโฟกัสตลอดเวลา แต่สุดท้ายมันก็เป็นความรู้สึกที่ดี เผลอๆดียิ่งกว่าหนังทุกเรื่องที่ผมแสดงซะอีก
ประวัติ โรเบิร์ต แพททินสัน (รับบทเป็น เอริค แพ็คเกอร์)
เมื่ออายุ 19 ปี เขาก็ได้รับเลือกให้เล่นเป็น เซดริค ดิคกอรี่ ในภาพยนตร์มหากาพย์พ่อมดเรื่อง Harry Potter & Goblet of Fire แต่ผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักกันมากกว่า สำหรับนักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษคนนี้ ก็คือการรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Twilight ที่เขาสามารถเอาชนะนักแสดงที่เข้ามาทดสอบบทถึง 5,000 คน
ก่อนหน้านี้เขายังมีผลงานอย่างเช่น How to Be ชองผู้กำกับ โอลิเวอร์ เออร์วิ่ง (Oliver Irving) ที่ได้รับรางวัล Special Honorable Mention for Narrative Feature ในเทศกาลหนัง Slamdance และยังมี Little Ashes ของผู้กำกับ พอล มอรริสัน (Paul Morrison) ที่เขาเล่นเป็นนักวาดภาพชื่อก้อง ซัลวาดอร์ ดาลี
ผลงานต่อมาของ โรเบิร์ต ก็ยังมี Remember Me ภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่องเยี่ยม ที่เขาแสดงคู่กับ เอมิลี่ เดอ ราวิน, เพียร์ส บรอสแนน และ คริส คูเปอร์ โดยในปี 2011 เขาก็เพิ่งมีผลงานที่ผ่านตาเราไปใน Water for Elephant ที่เขานำแสดงร่วมกับ รีส วิทเธอร์สปูน และ คริสตอฟ วอลซ์ และในปี 2012 ก็จะมีผลงานหนังพีเรียดเรื่อง Bel Ami ที่แสดงคู่กับ อูม่า เธอร์แมน อีกด้วย
ข้อมูลจาก
https://www.sahamongkolfilm.com
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X