“เปิ้ล” ออกพ็อกเกตบุ๊กเสียดสีสังคม-การเมืองอีกแล้ว บอก “ชูวิทย์-สรยุทธ” ก็โดน ด้าน “ตูน บอดี้สแลม” โดนด้วย เหตุข้องใจนักร้องหนุ่มเสพกีฬาอีท่าไหน ถึงได้ซูบผอมขนาดนี้ พร้อมประกาศเปิดบริษัททำหนังและรายการ ไม่กลัวทับทาง “วิลลี่-หอย” เพราะถ้ากลัวคงไม่ทำ
       
       ออกพ็อกเกตบุ๊กล้อเลียนคนดังเสียดสีสังคมมาหลายเล่ม ปีนี้ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ก็ออกอีกเล่ม ชื่อ “THE TOILET 5 ฮานูนๆ” โดยเล่มนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม แต่งานนี้เจ้าตัวบอกไม่ได้เสียดสีเรื่องโดนปลดพ้นสาระแน รวมถึงกรณีถอนหุ้นจากบริษัท ลักษ์666 เพราะเขียนไม่ทัน เหตุเล่มนี้เขียนทิ้งไว้ประมาณ 1 ปีก่อนตกงาน
       
       “เล่มนี้ใช้ชื่อฮาบวมๆ เพราะมันเป็นฮาแบบตึงๆ หน่อย นึกอะไรไม่ออกก็ฮานูนๆ ไว้ก่อนแล้วกัน เล่มนี้ก็จะเป็นการล้อเลียนเสียดสี สำหรับคนที่เป็นแฟนเดอะทอยเลตมาก่อนหน้านี้ ก็เหมือนพ็อกเกตบุ๊กส่วนตัว จะแตกต่างที่คนอื่นเขาจะเขียนระบาย เขียนเป็นคำพูดเยอะๆ แต่ผมไม่ค่อยถนัดเขียนมาก เพราะเราจบช่างศิลป์มาก็จะถนัดเล่าเรื่องราวเป็นรูปภาพ เป็นการ์ตูนมากกว่า ก็จะล้อเลียน ไม่ว่าจะเป็นดารา โฆษณา หรือหนังที่ตัวเองชื่นชอบ ไอดอลคนที่เราปลื้ม หรือว่าจะเป็นเรื่องของการเมืองผมใส่หมด เรียกว่าล้อกันแบบไม่มียางอาย เล่นกันเลยเถิดแล้วเปิดตูดหนีเลย”
       
       “คนที่ถูกล้อก็คงจะโกรธกันแหละ ไม่ว่าจะเป็น พี่ชูวิทย์ (ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์) แต่ก็ไม่กลัวเพราะรู้ว่าตัวจริงพี่เขาน่ารัก หรือ ตูน บอดี้สแลม ก็สงสัยเขามานานแล้ว ว่าเล่นกีฬาภาษาอะไร ทำไมถึงผ่ายผอมขนาดนั้น เสพกีฬาอีท่าไหนไม่เข้าใจ ก็มีคำถามฝากไปถึงเขาอยู่ในหนังสือเล่มนี้ด้วย หรือจะเป็น น้องเก้า จิรายุ เป็นไอดอลของเราเลยนะ ลองไปคุยกับเขาดูถึงรู้ว่าเขาไม่ใช่เด็กธรรมดา เขาค่อนข้างจะเกรียนพอสมควร เราก็จะเอาเรื่องราวมาถ่ายทอดในเล่มนี้”
       
       “แล้วก็จะมีเรื่องราวประสบการณ์ในปีที่ผ่านมาแบบไม่ได้ตั้งใจ ที่ได้มีโอกาสลงไปช่วยเรื่องของน้ำท่วม ก็ได้เจอเรื่องต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะโดนจระเข้ไล่งับ เจอพระเกาหลีจีวรบินอยู่กลางแม่น้ำ ต้องขับเจ็ตสกีไปช่วยดึงผ้าขึ้นมา คุณหมอหัวฟาดหน้าต่าง พี่สรยุทธนั่งเจ็ตสกีหน้าเชิด เพราะกลัวนมมาโดนหลังเรา”
       
       “อย่างหน้าปกที่เลือกเป็นเรื่องจันดารา ก็เพราะไปดูมาไง เราชอบผลงานเขา โอ้แม่เจ้านมทั้งนั้นเลย อะไรเนี่ยสนับสนุนโดยไวตามิลล์รึไง ไหนว่าไม่โป๊ไง ตอนนั่งดูพาภรรยาไปดูด้วย ลูกคนที่3 เกือบมี เราก็เลยจับมาเป็นหน้าปกซะเลย ก็เป็นคันดารา”
       
       “เรื่องของตัวเองไม่มีครับ เพราะเขียนมาไว้ปีนึงแล้ว ยังไม่ทันตั้งตัวว่าจะเกิดเรื่องราวแบบนี้กับตัวเองขึ้น ก็เลยไม่ได้เขียนลงไป เลยไม่ทันแฉอะไรเพราะเล่มนี้เสร็จซะก่อน ก็คงไม่มีแฉอะไรหรอกครับ ต่างคนต่างทำงานกันไป ก็ยังไม่ทันได้เขียนถึงเรื่องราวของตัวเองเลย เล่มนี้เขียนมา 1 ปีแล้ว ก่อนตกงาน ก็ไม่มีหรอกครับ”
       
       เผยตอนนี้ตั้งบริษัทเป็นของตัวเองผลิตงานหนัง โฆษณา หนังสือสานฝันตนเองต่อ บอกปีหน้ามีโปรเจกต์หนังรอแล้ว
       
       “เดอะทอยเลต 5 ถือ เป็นผลงานชิ้นแรก ของบริษัท เพนกวินสตูดิโอ ของเรา เป็นบริษัทที่เอาไว้สานฝันของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในรูปของผลิตรายการทีวี ทำภาพยนตร์ หรือทำหนังสือ หรืองานโฆษณาต่างๆ ก็คงจะทำพวกนี้ทั้งหมด ผลงานชิ้นต่อไปก็คงจะเป็นงานหนังของตัวเอง เป็นเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ ก็จะทำในปีหน้า”
       
       “จะเล่นเองกำกับเอง เสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) สั่งให้ทำ ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไง ก็ทำคนเดียวครับ ก็เพิ่งรู้นะครับว่าการทำงานคนเดียวมันก็เหงานะ แต่งานมันก็เร็วดีครับ ก็เป็นอะไรที่ดีอย่างเสียอย่าง เสียตรงที่มันเหงา แต่ก็ยังมีเพื่อนพี่น้องที่แวะเวียนมานั่งคุยด้วย ก็เป็นจุดรวมของเหล่าครีเอทีฟ คนที่รักการช่างฝัน คนที่มีความคิดคล้ายๆ กัน คือมีฝันนำชีวิต”
       
       “ส่วนรายการทีวีตอนนี้เตรียมโปรเจกต์ จะไปนำเสนอเรียบร้อยแล้ว สนุกมากด้วย ก็กำลังจะไปคุยกับผู้ใหญ่หลายๆ ช่องอยู่ ก็ยังไม่ทราบว่างานเราจะไปเหมาะกับช่องไหน ก็ช่องไหนตกลง ก็ไปทำเลยทันทีครับ รูปแบบรายการก็คงไม่พ้นเรื่องตลกที่เราถนัด เพราะรายการสาระดีๆ มันมีอยู่เยอะแล้ว รายการพวกบ้าจะตายมันยังไม่มี ก็เลยอยากจะทำรายการบ้าจะตาย”
       
       “ไม่กลัวเรื่องการทับไลน์ เพราะถ้ากลัวก็คงจะได้แค่นั่งขายร้านโคขุน (ธุรกิจอีกอย่างของเปิ้ล)อย่างเดียว ก็คงต้องตัดทุกอย่างที่เป็นชีวิตของเราทิ้งไป ก็คงเลิกไม่ได้ สันดานมันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว เราเกิดมากับทีวีเราก็คงจะตายไปพร้อมกับทีวี เรื่องไอเดียก็คงจะไม่น่ามีปัญหากัน เพราะสมองเราเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ”
       
       บอกมีโอกาสไปอ่านข่าวในรายการเรื่องเล่าเช้านี้กับ “สรยุทธ สุทัศนจินดา” แล้วชอบ หากทางทีมงานติดต่อให้ไปร่วมงานยินดีแน่นอน ไม่สนกระแสวิจารณ์โชว์โง่มากกว่ามุกตลก
       
       “โคตรชอบเลยนะ วันก่อนได้มีโอกาสไปอ่านข่าวกับพี่สรยุทธแล้วมีความรู้สึกว่ามันอ่ะ ทุกคนน่ารัก ไปอ่านข่าวด้วยแล้วมันไม่เกร็ง ดูแล้วมันเพลิน ทำให้เรามีแรงบันดาลใจ ถ้าเขาชวนไปอ่านนี่ไปแน่นอนเลยนะ อย่างที่ไปมาครั้งก่อนคนพูดถึงเยอะมากเลย ถล่มทลาย แต่ก็รู้ว่าในอินเตอร์เน็ตคอมเม้นต์แรงๆ ก็มี”
       
       “เราก็เผลอไปอ่านมาทีนึง แล้วรู้สึกว่าบางอันอ่านแล้วเกิดปัญญานะ แต่บางอันที่ไม่เกิดปัญญาเราอ่านแล้วก็รู้สึกว่าเขาป่วยมากกว่า ผมว่าถ้าป่วยก็อย่ามาเล่นเน็ตเลย เอาเวลาไปหาหมอดีกว่า อ่านแล้วมันรำคาญ เราเป็นคนทำงาน เราสร้างสรรค์ เหมือนเรากำลังขับเจ็ทสกีแล้วดันเอาเท้าลงมาราน้ำ เรือมันก็ไม่ไป ในเมื่อมือไม่พายน้องก็อย่าเอาเท้ามาราน้ำดีกว่า”
       
       ยันสัมพันธ์กับอดีตหุ้นส่วน “วิลลี่ แมคอินทอช” และ “เสนาหอย” ราบรื่น ยินดีสาว “ยิปโซ รมิตา มหาพฤกษ์พงศ์” เสียบพิธีกรแทนตน บอกเหมาะสมแล้ว
       
       “ก็ไม่ได้เรียกว่าตัดขาดนะ เพราะเราไม่มีอะไรที่จะต้องตัดขาดซึ่งกันและกัน อย่างที่หอยบอก ว่ารอให้ทุกอย่างของแต่ละคนต่างลงตัวแล้วอีก 2-3 ปีอาจจะได้มาร่วมงานกันอีกก็ได้ ถ้าเขาจ้างเราก็ไป เราจ้างเขา เขาก็มา นี่คือที่เราเคยคุยกันไว้”
       
       “อย่างที่หอยให้สัมภาษณ์เหมือนไม่เหลือเยื้อใยกับผม บอกจะตัดพ้ออะไรก็เรื่องของผมนั้นก็ไม่รู้นะ ผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น ต้องดูว่าอารมณ์เขาเป็นยังไง น้ำเสียงเขาเป็นยังไง บางทีเขาอาจจะพูดแบบอารมณ์ดีก็ได้ อารมณ์ที่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นตามคำพูดเขา เพราะเรา 2 คนพูดเล่นกันมาทั้งชีวิตอยู่แล้ว เขาอาจจะพูดเล่นก็ได้ ที่บอกให้เราออกจากสาระแน พูดเล่นใช่ไหม (หัวเราะ)”
       
       “อย่างที่เขาบอกว่าไม่มีใครแทนที่เราได้ ก็คงจะเป็นความศรัทธาของเขาที่ยังมีหลงเหลือในตัวเรา เพราะเราก็รักกันมาตั้งแต่ปี 1 ตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย เราก็ดูแลซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ก็คงเป็นเยื่อใยที่ยังหลงเหลืออยู่”
       
       “ตอนนี้เขาเอายิปโซมาแทนเราแล้วเหรอ เฮ้ย..วัยรุ่นนี่ สวยกว่าด้วย แล้วไม่บอกว่าอยากได้สวยๆ จะได้เอาหน้าปกนี่ไปเสนอวิลลี่ หอยว่าพี่ยังรออยู่นะ (หัวเราะ) ก็อย่างที่เขาบอกว่าเขาอยากเปลี่ยนคอนเซ็ปต์อะไรให้มันดูสดใสปิ้งปั้งขึ้น เป็นเรื่องของกลยุทธ์ทางการตลาดด้วย ยิปโซเขาเก่งนะ จังหวะเขาแปลก การฮาเขาไม่เหมือนใคร เขาเลือกไม่ผิดหรอก ยิปโซเขาเป็นคนทีมีเสน่ห์”

http://www.manager.co.th