มองปัญหาสังคม ผ่านซีรีส์อบอุ่นหัวใจ 'Move To Heaven'
2021-06-22 20:00:48
Advertisement
คลิก!!!

พนักงานทำความสะอาดที่เกิดเหตุ คงเป็นอาชีพที่หลายคนไม่คุ้นเคย พวกเขามีความเชี่ยวชาญพิเศษในการทำความสะอาดสถานที่ที่มีคนเสียชีวิต ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ, ตายโดยธรรมชาติ หรือคดีฆาตกรรม

Move To Heaven คือซีรีส์ทาง Netflix ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ พนักงานทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ ที่นอกจากจะเล่าเรื่องการทำความสะอาดสถานที่ต่างๆแล้ว ซีรีส์ยังได้สอดแทรกความหมายที่ซ่อนเอาไว้ในทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต ที่ถึงแม้พวกเขาจะสื่อสารกับคนที่อยู่ข้างหลังไม่ได้แล้ว แต่สิ่งของเหล่านั้นกลับสามารถส่งผ่านข้อความของพวกเขาได้



คิมซองโฮ รับหน้าที่ผู้กำกับซีรีส์เรื่อง Move To Heaven ได้บอกว่าเขามีสิ่งที่อยากถ่ายทอดให้ผู้ชมได้รับรู้อยู่ 2 วัตถุประสงค์ คือ เพื่อแนะนำอาชีพที่ไม่ค่อยได้พบเห็นแต่มีความหมาย และ ยกเรื่องราวเหตุการณ์ในสังคมที่หลายครั้งถูกมองข้ามโดยคนทั่วไป

“ทุกวันนี้มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่นำเสนอพล็อตเรื่องที่เร้าใจ เพื่อทำให้ผู้ชมได้พักผ่อนจากความจริงของโรคที่ตอนนี้มีโรคระบาด แต่ผมหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมอบโอกาสให้ผู้ชมได้ลองมองไปรอบตัว และ พบกับผู้ที่ถูกละเลย พร้อมให้กำลังใจกันและกัน” ผู้กำกับคิมซองโฮ พูดระหว่างให้สัมภาษณ์กับ The Korea Times

ซีรีส์เล่าเรื่องแบบเรียบง่าย, เต็มไปด้วยเนื้อหาที่ทำให้ประทับใจ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือของ คิมแซบยอล เรื่อง Things Left Behind ซีรีส์เล่าเรื่องของ ฮันกือรู (รับบทโดย ทังจุนซัง (Tang Jun-sang)) เด็กหนุ่มที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ กือรู และ จองอู (รับบทโดย จีจินฮี (Ji Jin-hee)) พ่อของเขา ได้เริ่มงานทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุมาตั้งแต่แม่ของเขาจากไป พวกเขาส่งต่อข้อความของผู้เสียชีวิตไปถึงญาติด้วยสิ่งของที่ผู้จากไปทิ้งไว้

จองอูจากไปกะทันหันด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ทำให้กือรูต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ โชซังกู (รับบทโดย อีแจฮุน (Lee Jae-hoon)) อาผู้เป็นญาติคนเดียวของเขา ซึ่งถึงแม้ซังกูจะไม่ค่อยเต็มใจมาดูแลกือรูเท่าไหร่ แต่ด้วยความจำเป็น เขาต้องเอาชนะใจกือรูเพื่อให้ได้เป็นผู้ปกครองเขาให้ได้ ทำให้ซังกูตกลงมาร่วมงานกับบริษัททำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ Move To Heaven

คิมซองโฮบอกว่า “ผมชอบพล็อตเรื่องที่เล่าความธรรมดาของผู้คน ผ่านการทำงานของพวกเขา พนักงานทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุไม่ใช่อาชีพที่ถูกพูดถึงบ่อยในเกาหลี แต่ผมอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวนี้”

ผู้กำกับคิมซองโฮเล่าว่าเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวในสังคม เขาและนักเขียนบท ยุนจีรยอน ได้อ่านข่าวจำนวนมาก เพื่อเตรียมงานซีรีส์เรื่องนี้

“ผมอ่านข่าวเยอะมาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชุมชนแออัด หรือในห้องเช่าขนาดเล็ก แต่แทนที่จะถ่ายทอดแต่เรื่องเหล่านั้น หรือเหตุการณ์ฆาตกรรม ผมอยากจะถ่ายทอดแก่นแท้ของเรื่องราว หรือสาเหตุ หรือสิ่งที่ทำให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมากกว่า”

ซีรีส์เล่าเรื่องของผู้จากไปที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ที่ตายอย่างโดดเดี่ยว, หญิงสาวที่ถูกคุกคาม, การตายจากความไม่ปลอดภัยในสถานที่ทำงาน และอีกหลายเรื่อง

แต่ละตอนนำพาผู้ชมไปเยี่ยมเยือนชีวิตของผู้คนที่แตกต่างออกไป แต่ละผู้เสียชีวิตที่จากไปมีเรื่องราวของตัวเอง

ตอนหนึ่งของซีรีส์ เล่าเรื่องของชายเกาหลีที่ถูกครอบครัวชาวอเมริกันรับไปอุปการะตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตาม เขาได้เดินทางกลับมาเกาหลีหลังจากมีปัญหา แต่ก็พบว่าชีวิตในบ้านเกิดก็ยากลำบากเช่นกัน เขาพูดภาษาเกาหลีไม่ได้ และตายอย่างโดดเดี่ยวในห้องเช่าเล็กๆของโรงแรม

ผู้กำกับบอกว่าเขาพยายามไม่เน้นฉากอ่อนไหวมากเกิดไป เพราะไม่อยากให้ซีรีส์กลายเป็นซีรีส์เศร้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา

“ถ้าพล็อตเศร้าเกินไป มันอาจจะก่อให้เกิดอคติและความลำเอียงได้” เขาบอก “เรื่องราวหลายเรื่องถูกนำมาพูดคุย...แต่ผมไม่ต้องการโทษคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นสังคม หรือรายบุคคลไม่ควรมีฝ่ายใดต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียว สิ่งที่พวกเราอยากได้รับคือ ความสนใจและรับผิดชอบร่วมกัน ผมทำเรื่อง 'Move To Heaven' ขึ้นเพื่ออยากให้ผู้คนเห็นอกเห็นใจกันผ่านเรื่องราวในซีรีส์”

และนี่คือเหตุผลที่เขาให้ตัวละครหลักของเรื่องอย่าง กือรู เป็นผู้ที่มีอาการกลุ่มแอสเพอร์เกอร์

กือรูเป็นเด็กพิเศษในกลุ่มออทิสติก เขามีความสามารถในการจดจำ และถ่ายทอดเรื่องราวของผู้เสียชีวิตได้อย่างตรงไปตรงมาโดยปราศจากอารมณ์ส่วนตัวเจอปน ราวกับว่าเขาแค่อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น

ผู้กำกับเล่าว่า ทังจุนซัง ได้ศึกษาเด็กพิเศษที่มีอาการของกลุ่มออทิสติก เพื่อวางแผนว่าจะถ่ายทอดบทบาทของตัวละครนี้ออกมาอย่างไร

“ตัวละครที่มีอาการออทิสติกมีอยู่หลายตัวละครทั้งในภาพยนตร์และซีรีส์ แต่เราพยายามถ่ายทอดตัวละครออทิสติกที่แตกต่างไปจากที่หลายคนเคยเห็น” เขาบอกว่าเขาคุ้นเคยกับบุคลิกที่แตกต่างกันของคนที่อยู่ในกลุ่มอาการออทิสติก

ผู้กำกับคิมซองโฮประสบความสำเร็จตั้งแต่ผลงานสยองขวัญ-ลึกลับ เรื่องแรกอย่าง Into the Mirror เมื่อปี 2003 จากนั้นเขาลองงานในแนวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระทึกขวัญ, แฟนตาซี และดราม่า ผลงานของเขารวมถึงเรื่อง How To Steal A Dog ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของ Barbara O'Connor


Move To Heaven ถือเป็นผลงานซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่องแรกของเขา ผู้กำกับคิมซองโฮบอกว่าระหว่างถ่ายทอดเขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เวอร์ชั่นยาว

“ผมกังวลว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ชมเข้าถึงเรื่องราวของซีรีส์ เพราะว่ามันไม่เหมือนกับภาพยนตร์ที่ส่วนใหญ่เราดูกันในโรงภาพยนตร์ ซีรีส์แตกต่างออกไป ผมเลยพยายามทำให้ซีรีส์มีความเป็นภาพยนตร์อยู่ด้วย”

ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย และฮ่องกง

“ผมรู้สึกตกใจที่ได้รับฟีดแบคกลับมามากขนาดนั้นตั้งแต่เปิดตัว” เขาบอก “สิ่งที่ผมชอบที่สุดเลยคือการที่ผู้ชมไปกอดครอบครัว หรือเพื่อนของพวกเขาหลังจากดูเรื่องนี้จบ”

เขาบอกว่าบางคอมเม้นท์ของผู้ชมทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเหตุผลที่เขากำกับซีรีส์เรื่องนี้คืออะไร เขาบอกว่า Move To Heaven มีความหมายต่อเขามาก มันทำให้เขาได้มีโอกาสคิดถึงความตาย

“ตอนที่ทำงานในซีรีส์เรื่องนี้ ผมเริ่มตระหนักถึงความตายมากขึ้น ว่ามันใกล้เรามากกว่าที่คิด ผมคิดถึงเรื่องนี้มากกว่าแต่ก่อน พอเราพูดถึงสิ่งของของคนที่จากไป ผมก็คิดว่าผมจะใช้ชีวิตยังไงเพื่อเตรียมตัวหากต้องจากไป ผมตระหนักได้ว่าช่วงเวลาที่ได้ดื่มด่ำกับปัจจุบัน กับสิ่งรอบตัวผมมีค่าแค่ไหน ทั้งครอบครัวและเพื่อน และการได้พูดคุยกับพวกเขา”

นอกจากนี้ผู้กำกับคิมซองโฮบอกว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่อยากเล่า และหวังว่าซีรีส์จะมีภาค 2 “มีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้เล่าในภาค 1 เราหวังว่าจะได้เล่าเรื่องมากขึ้นผ่านเรื่องราวของการใช้ชีวิตและเรื่องราวของผู้ที่จากไป”

onlyfans leaked xxx onlyfans leaked videos xnxx 2022 filme porno filme porno
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X