นักเขียนบทซีรีส์เรื่อง “It’s Okay to Not Be Okay” ของช่อง tvN ได้ร่วมพูดคุยและแชร์ความคิดเห็นส่งท้ายซีรีส์ที่เพิ่งลาจอไป!

“It’s Okay to Not Be Okay” ออกอากาศตอนแรกเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน เล่าเรื่องของ มุนคังแท (รับบทโดย คิมซูฮยอน (Kim Soo Hyun)) ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวช และโกมุนยอง (รับบทโดย ซอเยจี (Seo Ye Ji)) นักเขียนนิทานเด็กที่มีบุคลิกต่อต้านสังคม โดยได้ออกอากาศตอนสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม

นักเขียนบท โจยง ได้เริ่มจากการขอบคุณผู้ชม, ผู้กำกับ, นักแสดง และทีมงานทุกคนที่ทำงานหนัก เธอพูดถึงความรู้สึกหลังจากซีรีส์ได้รับความนิยม

“ฉันยังไม่รู้สึกว่าความนิยมของซีรีส์มีผลกระทบต่อฉันค่ะ” เธออธิบาย “ฉันไม่ได้มีโอกาสได้สัมผัสมันเลย ฉันยุ่งกับการจัดการเรื่องของตัวเอง และไม่มีเวลาได้เช็คกระแสเลย ฉันได้ยินจากคนอื่นว่าซีรีส์ได้รับความนิยมในต่างประเทศจากที่ออกอากาศทาง Netflix ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายค่ะ แฟนคลับของซีรีส์ให้ของขวัญฉันเป็นปากกาหมึกซึมด้วย ฉันรู้สึกขอบคุณจนเกือบจะร้องไห้เลยค่ะ”

เธอพูดต่อ “ในซีรีส์ ปากกาหมึกซึมมักจะถูกใช้เป็นอาวุธ…ฉันอยากจะบอกว่าฉันจะรักษาปากกาเล่มนี้ไว้ด้วยความคิดที่ว่าจะทำงานอย่างมุ่งมั่นในอนาคต”
 

โจยงพูดถึงข้อความที่เธออยากถ่ายทอดผ่านซีรีส์ว่า “ฉันเคยอ่านมาจากที่ไหนซักแห่งว่า ถึงจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีอารมณ์หลากหลายมากเท่าไหร่ก็จะมีความรู้สึกเหงา” เธออธิบาย “สิ่งที่ฉันอยากบอกคือ ถ้าธรรมชาติของมนุษย์คือการค้นหาความอบอุ่นเพื่อรักษาความเหงา คนที่มองเห็นพวกเขาไม่ควรมองข้ามแต่ควรยื่นมือเพื่อมอบความอบอุ่นให้ เพราะพวกเขาเหงา พวกเขาจึงต้องการการรักษา หรือพวกเขาอยู่ในระหว่างการเติบโตเป็นผู้ใหญ่”

เธอพูดต่อ “ฉันอยากจะนำเสนอข้อความนี้ผ่านตัวละครในซีรีส์ ที่ได้รับการเยียวยาและเติบโตผ่านความอบอุ่นที่มอบให้แก่กันและกัน”


 

โจยงชื่นชมความสามารถของนักแสดง เธอบอกว่า “นักแสดงทั้ง 3 คนที่รับบท คังแท, ซังแท และมุนยอง แสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขามีเคมีที่เข้ากันเป็นอย่างมาก ฉันไม่สามารถจินตนาการคังแทเป็นคนอื่นนอกจากคิมซูฮยอนได้เลย”

จากนั้นเธอได้เลือกฉากที่ประทับใจที่สุดของคิมซูฮยอน “ฉันคิดว่าฉากที่ฉันไม่ลืมน่าจะเป็นฉากจบของตอนที่ 9 ที่คังแทขอโทษพร้อมกับร้องไห้อย่างหนัก เป็นฉากที่ขนาดตอนเขียนยังเจ็บปวด และพอฉันได้ดูมันเจ็บปวดยิ่งกว่าจนฉันเกือบจะเป็นกังวล” โจยงบอกว่าเธอรู้สึกซาบซึ่งในกับความสามารถในการถ่ายทอดบทบาทของนักแสดงแต่ละคนในซีรีส์เรื่องนี้

โจยงได้กล่าวชื่นชม โอจองเซ (Oh Jung Se) ว่า “ฉันระมัดระวังและกังวลเพื่อไม่ให้ซังแทกลายเป็นตัวละครที่ทำให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับลักษณะของคนเป็นออทิสติก ฉันนับถือคุณโอจองเซหลังจากได้เห็นเขาทำความเข้าใจคนที่เป็นออทิสติกและเข้าไปคลุกคลีกันพวกเขา จากกระบวนการนั้น โอจองเซได้กลายเป็นซังแท และซังแทได้กลายเป็นโอจองเซ” โจยงเลือกให้ฉากที่ซังแทอ่านหนังสือต่อหน้าต้นไม้ของแม่ในตอนสุดท้ายเป็นฉากที่ดีที่สุดของเขา เธอบอกว่าเธอร้องไห้กับฉากนั้น และรู้ว่าโอจองเซแสดงออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก

โจยงได้พูดถึงการแสดงของซอเยจีว่า “มุนยองเป็นตัวละครที่ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากทางอารมณ์มากมาย ซอเยจีสามารถทำให้มุนยองมีชีวิตด้วยคาริสม่าเฉพาะตัวของเธอและเสน่ห์ที่ทำให้ตกหลุกรัก” ส่วนฉากที่ดีที่สุดของซอเยจีเธอเลือกเป็นฉากจบตอบที่ 6 ตอนที่มุนยองฝันถึงแม่และตื่นมาร้องไห้ในอ้อมกอดของคังแท “ฉันขนลุกตลอดตอนดูฉากนั้น” โจยงบอก “ฉากนั้นดีมาก หลายคนชื่นชมความสวยของเธอ แต่ฉันว่าเสน่ห์ที่แท้จริงอยู่ที่น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ชวนเหงาของเธอมากกว่า”
 

โจยงยังพูดถึงฉากที่เธอชอบที่สุดเพิ่มเติมว่า “ฉันชอบทุกฉากที่คังแท, มุนยอง และซังแทอยู่ด้วยกันและทะเลาะกัน” เธอเล่า “นอกจากนี้ยังมีฉากที่คังแทฝันว่าซังแทเป็นพนักงานธรรมดา ส่วนเขาและมุนยองเป็นเด็กนักเรียน” โจยงบอกว่าเธอชอบฉากที่ซังแทรู้ว่าน้องชายของเขามีความสุขที่ได้อยู่กับมุนยอง และตัดสินใจรับมุนยองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบคัรว

โจยงอธิบายตัวละครพัคฮองจา (รับบทโดย จางยองนัม (Jang Young Nam)) แม่ของมุนยองที่ปลอมตัวเป็นหัวหน้าพยาบาลว่า “ฉันอยากให้ตัวละครตัวนี้ถ่ายทอดทั้งด้านที่เห็นอกเห็นใจคนที่เจ็บปวด แต่จริงๆแล้วเธอหัวเราะเยาะพวกเขาที่อ่อนแอ” เธอพูดต่อ “ตัวร้ายในนิทานมักจะพ่ายแพ้ ในซีรีส์ฉันก็อยากจะให้ออกมาเป็นแบบนั้นเช่นกัน ฉันอยากจะเน้นความคิดที่ว่า ถ้าคน ‘อ่อนแอ’ มารวมตัวกัน และร่วมกันต่อสู้ เงามืดดำที่ดูยิ่งใหญ่ สุดท้ายก็จะพ่ายแพ้ ฉันต้องการจะบอกเล่าถึงเรื่องความกล้าหาญในตอนสุดท้ายของเรื่อง”

โจยงปิดท้ายว่า “ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่อบอุ่นซึ่งเกิดจากคนที่ใกล้ชิดกัน ฉันหวังว่าผู้ชมจะจดจำซีรีส์เรื่องนี้ แม้ว่ามันจะไม่เหมือนใครและแปลก แต่ก็สามารถทำให้หัวใจของคุณอบอุ่นได้หลังจากได้รับชม”