|
ทางการญี่ปุ่นเตือนนักท่องเที่ยวพึงระวังการนำยาเข้าประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากยาที่ถูกต้องตามกฎหมายในบางประเทศอาจเป็นยาที่ไม่สามารถนำเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ แม้แต่ยารักษาโรคบางอย่างก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด โดยผู้ที่ฝ่าฝืนเสี่ยงต้องโทษจำคุก กรณีที่นางจูเลีย แฮมป์ ผู้บริหารระดับสูงของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวที่โรงแรมในกรุงโตเกียว เนื่องจากนำเข้ายาแก้ปวดชนิดหนึ่งเข้าประเทศ เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงถึงกฎหมายควบคุมยาอันเข้มงวดของญี่ปุ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากยังไม่ทราบว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เพียงแต่ควบคุมยาดเสพติดเท่านั้น แต่ยารักษาโรคบางกลุ่มก็ไม่สามารถนำเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ ตามกฎหมายของญี่ปุ่นแล้ว จะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดทั้งยาที่นำเข้าด้วยตัวเองผ่านทางสนามบิน รวมทั้งยาที่ส่งมาทางพัสดุไปรษณีย์ โดยผู้ที่ถูกพบว่าครอบครองยาผิดกฎหมายจะถูกควบคุมตัวเพื่อสอบสวนอย่างน้อย 2-3 เดือนโดยไม่สามารถประกันตัวได้ และในกรณีที่พบว่ามีความผิดจริงอาจถูกจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับเงินสูงสุด 5 ล้านเยน แต่หากพบว่าเป็น “ยาเสพติด” อาจต้องโทษหนักยิ่งขึ้น ยากลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด คือ ยาแก้หวัดแก้แพ้ในกลุ่ม pseudoephedrine ที่มีชื่อทางการค้า เช่น แอคติเฟด, ซูดาเฟด ฯลฯ รวมทั้ง ยาแก้ปวดอย่าง ออกซิโคโดน ที่ผู้บริหารโตโยต้าได้รับทางพัสดุไปรษณีย์นั้นก็ซึ่งเป็นยาที่ผิดกฎหมายของญี่ปุ่น ยากระตุ้นประสาทในกลุ่ม Adderall ซึ่งใช้รักษาโรคสมาธิสั้นก็ถือเป็นยาเสพติดในญี่ปุ่น เนื่องจากมีส่วนผสมของแอมเฟตามีน |
||||
ปริมาณยาที่นำเข้าญี่ปุ่นก็มีการควบคุมเช่นเดียวกัน โดยนักท่องเที่ยวสามารถนำเข้าเข้าประเทศญี่ปุ่นสำหรับใช้เองได้ไม่เกินปริมาณ 1 เดือน แต่ที่พึงระวังคือ เครื่องสำอางค์หลายอย่างที่มีฤทธิ์เป็นยา เช่น ยาหยอดตา, ยาทากันยุง , ยาสมุนไพร รวมทั้ง ยาดม ยาหม่อง และอาหารเสริมบางประเภท สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 24 ชิ้นเท่านั้น
|