เมื่อเวลา 08.05 น. วันที่ 17 ก.พ. ที่กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบ (ขสทบ.) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจ ร่วมประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าพร้อมจะพูดคุยกับพล.ประยุทธ์ เพื่อหาทางออกตามข้อเสนอของนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า เรื่องนี้พูดไปแล้วว่า ตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่สามารถไปพูดคุยได้

เมื่อถามกรณีที่นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเป็นฝ่ายถูกกดดันและไล่ล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนว่า กดดันเรื่องอะไร ไล่ล่าอย่างไร เป็นเรื่องของคดีความ ไม่ใช่เรื่องการไล่ล่า ถ้ามีการร้องเรียนฟ้องร้องก็ดำเนินคดีไปเท่านั้นเอง จะไปไล่ล่าอะไร

ต่อข้อถามว่า แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องกลับมาสู้คดีก่อนใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้จะไม่พูดแล้ว ส่วนที่มีการนำประเด็นนี้มาผูกโยงกับเรื่องการปรองดองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครจะผูกก็ผูกไปตนไม่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าใจคำว่าเจ้าหน้าที่รัฐไหมว่า ต้องทำตัวอย่างไรจึงจะเหมาะสม และเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องบริหารราชการแผ่นดิน วันนี้มีเรื่องที่เป็นห่วงกังวลมากมาย ทั้งรายได้เกษตรกรที่ไม่ค่อยดี ตนยังต้องบริหารราชการแผ่นดิน และแก้ปัญหาที่ทุกคนได้ทำกันไว้

“ทำไมผมต้องไปปรองดองกับใคร ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ผมเข้ามาทำหน้าที่ของผม เข้ามาควบคุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน มาแก้ปัญหาที่บกพร่องอยู่ โดยใช้กลไกของกฎหมายกระบวนการยุติธรรม แล้วทำไมผมต้องปรองดองกับใคร การปรองดองเป็นเรื่องของทุกคนทุกกลุ่มอยู่แล้ว คนไทยอยากจะขัดแย้งกันต่อไปหรือ ซึ่งผมคิดว่าวันนี้ บ้านเมืองก็สงบดี ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการกระทำผิดกฎหมาย ก็รู้อยู่ว่ามีกฎหมายอะไรบ้าง แต่ก็พยายามที่จะละเมิดขัดขวางให้เกิดปัญหา ก็ควรจะต้องไปถามคนเหล่านั้นว่าทำเพื่ออะไร ผมถามว่าที่บอกทำเพื่อประชาธิปไตยแล้ว วันนี้ประชาธิปไตยที่ผ่านมามันดีหรือไม่ ถ้ามันดีก็คงไม่มีเรื่อง ใครจะไปยุ่งเกี่ยวผมก็ไม่เข้ามา ดังนั้น แสดงว่ามันยังมีปัญหาอยู่ ผมก็ต้องใช้กลไกระเบียบราชการ กลไกของกฎหมายเข้าไปแก้ไขก็เท่านั้น ฉะนั้น อย่าไปกังวล ใครจะเสนออะไรก็ได้ อยากจะพูดอะไรก็พูดมา แต่อย่าทำให้เกิดความขัดแย้ง เกิดความวุ่นวายและอย่าลากผมไปเกี่ยวข้อง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้โรดแมปที่รัฐบาลวางไว้ ต้องเลื่อนออกไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โรดแมปเป็นเรื่องของตน ใครจะทำให้เลื่อนก็ทำไป ยืนยันว่า ตนต้องเดินตามโรดแมปและ คิดว่าคนส่วนใหญ่ต้องการให้ดูแลช่วยเหลือและแก้ปัญหา เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้และมีคนนำไปกล่าวอ้างกันไปมา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นล่วงหน้ามาหลายปีก่อนที่ตนจะเข้ามาจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์เลี่ยงไม่ได้ ก็จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไข เพราะเป็นห่วงประเทศชาติ ถ้าไม่เข้ามาคนอื่นก็จะว่าปล่อยให้ประเทศเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แต่เมื่อเข้ามาก็มาต่อว่ากันอีก ทั้งนี้ หากทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลต้องการความปรองดอง สงบ สันติ ก็อย่าไปขยายความขยายข่าวต่อไปอีก

นายกฯ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาให้เสรีอยู่แล้ว ถ้าจะพูดถึงการใช้อำนาจอย่างแท้จริง คงไม่ต้องให้ใครออกมาพูดอะไรทั้งสิ้นและสามารถทำได้แต่ไม่อยากจะทำ ไม่อยากใช้กฏหมายพิเศษเข้ามาแก้ไขปัญหา เพราะจะกล่าวหาว่าไปรังแกใครอีก สรุปว่าวันนี้เราใช้กฎหมายกระบวนการยุติธรรมเดินหน้าประเทศ จึงต้องพยายามทำตัวให้ชัดเจนว่าจะอยู่ตรงไหน ความหมายคือให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นบ้างและได้ชี้แจงต่อกระบวนการยุติธรรม ถ้าใครไม่เข้ากระบวนการยุติธรรม จะไปคุยกันรู้เรื่องหรือไม่ แล้วอย่าไปให้เครดิตคนเหล่านี้มากนัก ฉะนั้นที่พูดมาตนคิดว่าทุกคนมีเจตนาดีไม่ได้มีเจตนาร้าย และไม่ได้จงเกลียดจงชังรัฐบาล แต่ทุกคนมุ่งหวังจะแก้ไขปัญหาของตนเอง หรือภาพรวมโดยไม่ได้นึกถึงกลไกของรัฐ แต่จะไม่นึกถึงกฎหมายด้วยก็ไม่ได้ เพราะประเทศชาติอยู่ด้วยกฎหมาย ถ้าบอกว่ากฎหมายไปทำร้าย ไล่ล่า ถามว่าที่ทำมีความผิดไหม ซึ่งการกระทำความผิดเริ่มตั้งแต่การร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการ เมื่อมีการรับเรื่องก็ต้องสอบสวนไป ถามว่าไปไล่ตรงไหน ถ้าไม่มีความผิดจะร้องเรียนอย่างไรก็หลุดอยู่ดี

นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการร้องเรียนไปหลายคดี บางคดีก็ตัดสินว่าไม่รับฟ้อง ไม่มีความผิดแล้วทำไมไม่เห็นมีใครมาเรียกร้อง สรุปว่าอะไรที่ตัดสินเข้าข้างตัวเองแล้วดีถือว่าเป็นธรรม อะไรที่ตัดสินแล้วมีความผิด ต้องไปแก้คดี ก็กลายเป็นว่าไม่เป็นธรรม เป็นการไล่ล่าหรือ ตนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง อย่าคิดแบบนี้ สื่อก็ต้องอย่าไปขยายความในลักษณะแบบนี้ และอยากให้ลดความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ โดยให้กฎหมายว่าไปตามกระบวนการ ผิดก็คือผิด ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีหลักฐาน ไม่ผิดจะไปลงโทษได้อย่างไร แม้กระทั่งคดีเก่า ถ้ามีหลักฐานมันก็ผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษ เมื่อลงโทษก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะมีอะไรนอกเหนือไปจากนี้ ตนไม่เข้าใจ ฉะนั้น อย่ามาลากให้พันกันไปมา เดี๋ยวจะเดือดร้อนไปทั้งประเทศ แล้วใครจะรับผิดชอบ ตนขอถามใครที่มาร้องๆ กัน จะรับผิดชอบได้ไหม

“ผมประกาศไว้เลยว่า ใครที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เดือดร้อน จากนี้ไปต้องรับผิดชอบ ที่ผ่านมาไม่ค่อยรับผิดชอบกันอยู่แล้ว ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมาย ตามระเบียบวินัย ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ทุกคน ทุกพวก ทุกพรรค เจตนาดีหรือไม่ก็ไปพิสูจน์กันในศาล ผมตัดสินให้ไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ที่มา ข่าวสดออนไลน์