เสียง เป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการสนทนา และยังเป็นสัญลักษณ์ทางเพศอย่างหนึ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นหญิงหรือชาย อีกทั้งยังสามารถบ่งบอกวัยของคนนั้นได้อีกด้วย หลายคนมีปัญหาเสียงแหบ เสียงใหญ่ เสียงทุ้ม จนเกิดเป็นความไม่มั่นใจในการใช้ชีวิต แต่ด้วยการแพทย์ที่ก้าวหน้าทำให้เรื่องเสียงอาจไม่ใช่ปัญหากวนใจอีกแล้ว พญ.อรอุมา ศรีวานิชวิพัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขา โสต ศอ นาสิก มีคำตอบมาให้ค่ะ
เสียงสะท้อนบุคลิกภาพ
ไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบันจะมีผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับเรื่องของเสียงมากขึ้น ถึงขนาดที่มีการศัลยกรรมตกแต่งเสียง หรือที่เรียกว่า
"การผ่าตัดกล่องเสียง" เกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าเสียงสามารถสะท้อนได้ถึงบุคลิกภาพของผู้ที่เป็นเจ้าของนั่นเอง
หลายคนอาจเคยเห็นประสิทธิภาพของการศัลยกรรมตกแต่งกล่องเสียง มาจากสาวประเภทสองมากหน้าหลายตาที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้าง โดยการกลายเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์แบบ ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนรอบข้างไม่สามารถรู้ได้ว่าคุณผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นสาวประเภทสอง นั่นก็เพราะน้ำเสียงที่อ่อนหวานไพเราะเพราะพริ้งไม่ต่างอะไรกับสาวแท้ทั้งหลาย
มีข้อมูลที่น่าสนใจว่า นอกจากสาวประเภทสองแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา การผ่าตัดกล่องเสียงยังเป็นที่นิยมในหมู่ของคนสูงอายุที่ต้องการให้เสียงกลับมาดูสดใสเหมือนวัยหนุ่มวัยสาวอีกครั้งด้วย โดยคนกลุ่มนี้จะเข้ารับการผ่าตัดกล่องเสียงเพื่อดึงสายเสียงที่หย่อนไปตามวัยให้ตึงขึ้น ทำให้เกิดเสียงที่เล็กแหลมและไม่สั่นคลอนเหมือนสมัยยังหนุ่มยังสาวเหมือนเดิม
เสียงต่ำ เสียงสูง หรือเสียงแหบ ก็เปลี่ยนแปลงได้
การผ่าตัดกล่องเสียงสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ไม่เฉพาะแค่ทำให้เสียงเล็กลงอย่างที่สาวประเภทสองต้องการ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงเสียงให้ทุ้มต่ำลงได้ด้วย เช่นกัน ซึ่งจะพบในผู้ชายที่มีเสียงเล็กแหลมเหมือนเสียงของผู้หญิง หรือผู้หญิงที่ต้องการให้เสียงมีลักษณะห้าวใหญ่ขึ้นคล้ายกับเสียงผู้ชาย หรือในกรณีที่เสียงแหบ ซึ่งเกิดจากก้อนเนื้อที่สายเสียง หรือสายเสียงมีการทำงานลดลงจากการใช้เสียงผิดวิธี หรือมีโรคติดเชื้อที่สายเสียง ก็สามารถเปลี่ยนเป็นคนที่มีเสียงสดใสได้ ซึ่งการผ่าตัดในแต่ละกรณีนั้นแตกต่างกันตรงที่ขนาดของแผลและระยะเวลาการพักฟื้น
ปรับความถี่ของคลื่นเสียงได้ดั่งใจต้องการ
โดยปกติแล้วคลื่นความถี่ของเสียงสำหรับผู้และผู้หญิงจะต่างกัน ทำให้เสียงของทั้งสองเพศแตกต่างกัน คือผู้ชายจะเสียงที่ทุ้มต่ำกว่า โดยอยู่ในระดับความถี่ 50-100 เฮิร์ต ในขณะที่ผู้หญิงจะมีเสียงแหลมเล็กกว่า โดยอยู่ในระดับความถี่ 200-300 เฮิร์ต ซึ่งการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงเสียงจะพยายามทำให้ระดับความถี่ของเสียงหลังการผ่าตัดเข้าใกล้ระดับความถี่ที่ต้องการมากที่สุด อย่างในกรณีของการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงเสียงของสาวประเภทสอง แพทย์จะพยายามทำให้ความถี่ของเสียงหลังการผ่าตัดอยู่ที่ระหว่าง 200-300 เฮิร์ต โดยการทำให้สายเสียงที่มีขนาดใหญ่และหนาของผู้ชายนั้นบางลง ทำให้เสียงแหลมเล็กขึ้น
เตรียมตัวอย่างไรก่อนการแปลงเสียง
- รับการตรวจสภาพการทำงานของกล่องเสียงและสายเสียง โดยละเอียด ได้แก่ ความพลิ้วไหวของเสียง ความถี่ของเสียงโครงสร้างและรูปร่างของสายเสียงและกล่องเสียง รวมถึงความดังกังวานของเสียงก่อนการผ่าตัด
- ถ้ามีอาการไอมากหรือเป็นหวัดต้องรักษาให้บรรเทาก่อน
- งดน้ำและอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
- ถ้าทานยาชนิดใดอยู่เป็นประจำหรือสูบบุหรี่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะยาบางชนิดและบุหรี่มีผลต่อการสมานแผลผ่าตัด
ระยะเวลาการพักฟื้น
ผ่าตัดให้เสียงสูงขึ้น
|
- ผู้ป่วยจะได้รับการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็ก 1.5-2 ซม. ที่บริเวณลูกกระเดือก และใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ แผลจะติดสนิทและตัดไหมได้
- นอนพักโรงพยาบาล 3 วัน 2 คืน
|
ผ่านตัดให้เสียงต่ำลง
|
- ผู้ป่วยจะได้รับการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็ก 2-3 ซม. ที่บริเวณลูกกระเดือก แผลจะติดสนิทภายใน 1 สัปดาห์ และตัดไหมได้
- นอนพักโรงพยาบาล 3 วัน 2 คืน
- ผู้ป่วยจะได้รับการดมยาสลบแล้วผ่าตัด โดยการส่องกล้องผ่านทางปากไปถึงสายเสียง
|
ผ่าตัดรักษาเสียงแหบ
|
- ผู้ป่วยจะได้รับการดมยาสลบแล้วผ่าตัด โดยการส่องกล้องผ่านทางปากไปถึงสายเสียง
- ไม่มีแผลผ่าตัดภายนอก และนอนพักโรงพยาบาล 2 วัน 1 คืน
|
ดูแลรักษาเสียงสวยอย่างไร
- หลังผ่าตัดต้องงดออกเสียงเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ให้สื่อสารด้วย การเขียนแทน
- งดการไอ หรือขากเสมหะแรงๆ เพื่อลดอาการสายเสียงบวม
- งดอาหารกรอบๆ แข็งๆ ที่กระตุ้นการไอ หรือระคายคอเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- เริ่มทานอาหารอ่อนๆ และยาฮอร์โมนได้ในรุ่งขึ้น
- พบแพทย์ตามนัด 1 สัปดาห์เพื่อตัดไหม พร้อมกับตรวจสภาพสายเสียงโดยละเอียด สำหรับกรณีเสียงแหบควรฝึกการออกเสียงหลังผ่าตัด
เทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้สามารถเนรมิตเสียงสวยๆ ในแบบที่เราต้องการได้ แต่อย่างไรก็ตามการผ่าตัดทุกชนิดก็มีความเสี่ยง แม้จะเป็นการผ่าตัดเพื่อศัลยกรรมเสริมความงาม ฉะนั้นการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ