คลื่นไส้-อาเจียน เรื่องเบา ๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่ได้
2012-10-05 15:08:28
Advertisement
คลิก!!!
คลื่นไส้ อาเจียน


คลื่นไส้-อาเจียน เรื่องเบา ๆ แต่กลายเป็นเรื่องหนัก และเรื่องใหญ่ได้ (ไทยรัฐ)
โดย สาทิส อินทรกำแหง

          ใคร ๆ ก็รู้จักกันทั้งนั้นนะครับ "คลื่น-ไส้" เด็ก ๆ ตั้งแต่รู้ความพอพูดได้ก็รู้จักคำว่าคลื่นไส้ โตขึ้นมาหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตก็รู้จักคลื่นไส้ โดยเฉพาะบางคนเห็นอะไรไม่ค่อยถูกใจ หรือรู้สึกว่าขัดใจ ก็ใช้คำว่า "คลื่นไส้" กันอย่างฟุ่มเฟือย จึงสรุปได้ว่า คำว่า คลื่นไส้  มีความหมายทั้งทางกายและทางใจ

          ทางกาย แปลว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากจะอาเจียน

          ทางใจ ก็แปลว่าไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจอย่างแรง เห็นการแสดงออกของใครบางคน ไม่ชอบใจ บอกว่า "คลื่นไส้" เห็นอะไรสีฉูดฉาดบาดตา แต่งเนื้อแต่งตัวเลยเถิดผิดธรรมดา ก็รู้สึก "คลื่นไส้"

          ตกลงคำว่า "คลื่นไส้" แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติทั้งทางกายและทางใจ

          แต่น่าประหลาดใจนะครับ คำที่รู้จักกันดีและใช้กันเป็นประจำนี้ พอไปเปิดปทานุกรมทางการแพทย์ดู จะเห็นว่าเขาอธิบายคำว่าคลื่นไส้ได้อย่างบางเบาและคลุมเครือเหลือเกิน

          หนังสือวิชาการทางแพทย์บอกสั้นๆเหมือนกันหมดว่า "คลื่นไส้ (NAUSEA) คือความรู้สึกที่ทำให้อยากจะอาเจียน (VOMIT)"

          อ้าว ชักจะยุ่งแล้วซี ถ้าเป็นอย่างนั้น จะแปลกลับกันก็ต้องว่า "อาเจียน คือ อาการที่มาจากความรู้สึกคลื่นไส้"

          ยุ่งไหมละครับ ผมว่ายุ่งมากทีเดียวแหละ ถ้าพูดกันยืดเยื้อต่อไป ผมว่าผู้อ่านและแฟนประจำหลายท่าน คงรู้สึกอยากอาเจียนแน่

          เข้าเรื่องเลยนะครับ คลื่นไส้และอาเจียน เป็นอาการร่วมกันของความผิดปกติทางร่างกาย ความผิดปกตินี้  ในหลายกรณีเป็นความผิดปกติไม่ร้ายแรง เป็นเรื่องธรรมดา ๆ

          แต่ในบางกรณีเป็นเรื่องของการเจ็บป่วยและหลายรายเป็นการเจ็บป่วยร้ายแรง และบางกรณีเป็นอาการที่แสดงว่าป่วยหนักจนใกล้วาระสุดท้ายแล้ว ขอระบุเรื่องคลื่นไส้ธรรมดา ๆ ก่อนนะครับว่ามีชนิดใดบ้าง

          ชนิดเบา ๆ เกิดจาก เมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน

          นอกจากนั้นก็มีแพ้ท้อง (คุณผู้ชายไม่เกี่ยว หรือคุณผู้ชายบางคนเคยเป็นหรืออยากจะเป็น ช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วย จะได้ขอมาสัมภาษณ์ไปลงเป็นข่าวใหญ่ไปเลย)

          แถมด้วยการปวดเนื้อปวดตัว ปวดหัวปวดเมื่อยอย่างรุนแรง

          อีกอย่างซึ่งเคยพบ (จำนวนน้อย) คือ เครียดมาก ๆ จนคลื่นไส้และอาเจียน

ต่อไปเป็นอาการเกี่ยวกับการเจ็บป่วย แล้วครับ

            อาหารเป็นพิษ
         
            ติดเชื้อที่ทำให้ช่องท้องอักเสบ (กระเพาะ-ลำไส้)

            ป่วยเกี่ยวกับถุงน้ำดี (GALL BLADDER)

            ช่องหูอักเสบ น้ำในหูไม่เท่ากัน

            ไตพิการหรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการทำงานของไต

            โรคเรื้อรังเกี่ยวแก่กระเพาะลำไส้

            แพ้การรักษาด้วยรังสีบำบัด (RADIATION)

            แพ้การรักษาด้วยเคมีบำบัด (CHEMOTHERAPY)

            มีความผิดปกติเกี่ยวแก่สายตา

ต่อไปการคลื่นไส้อาเจียนเกิดจากการเจ็บป่วยค่อนข้างหนัก

          เนื้องอกในสมอง

            มะเร็งขึ้นสมอง

          มะเร็งขั้นสุดท้ายแทบทุกชนิด

          คุณผู้อ่านและแฟน ๆ ประจำของคอลัมน์ปั้นชีวิตด้วยชีวจิต คงจะสังเกตเห็นตั้งแต่เรามีคอลัมน์นี้มานานกว่าสิบปีแล้วนะครับว่า

          ประการที่หนึ่ง เราพยายามจะแนะนำให้คุณผู้อ่านศึกษาและรู้จักตัวเองให้มาก และในขณะเดียวกันก็ให้มีความรู้เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บของตัวเองด้วย

          ประการที่สอง เราจะแนะนำวิธีรักษาและแก้ไขง่าย ๆโดยไม่ต้องไปโรงพยาบาล และเราจะแนะนำวิธีปฏิบัติตัวง่าย ๆ ให้ร่างกายแข็งแรง และเราก็จะแนะนำยาง่าย ๆ ซึ่งไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ หรือมิฉะนั้นก็จะแนะนำยาประจำบ้านหลายตำรับ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขรับรอง และแนะนำให้ใช้

          สำหรับคราวนี้จะขอแนะนำวิธีแก้ไขการคลื่นไส้ และอาเจียนจากการเจ็บป่วยธรรมดา ๆ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับช่องท้อง คือกระเพาะลำไส้ และก็จะแนะนำวิธีปฏิบัติตัวง่าย ๆ พร้อมกันไปด้วย

          อาการที่เกี่ยวกับโรคหนักขั้นสุดท้าย เช่น มะเร็งขั้นสุดท้ายนั้น คงจะต้องอาศัยการแก้ไขและการรักษาจากโรงพยาบาลนะครับ

ขอพูดถึงการคลื่นไส้ อาเจียนแบบธรรมดา ๆ ก่อน

          การคลื่นไส้เกี่ยวกับช่องท้อง คือกระเพาะและลำไส้นั้น ถ้าจะพูดถึงโรคและอาการโดยละเอียดแล้วมีมากมาย อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 25 รายการเลยละครับ อย่างเช่น ท้องอืด ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ อย่างธรรมดา ๆ นี้ ถ้าแยกกันอย่างละเอียดก็จะแยกได้นับเป็นสิบรายการเลยทีเดียว

ถ้ามีอาการฉับพลัน คือ อยู่ ๆ ก็คลื่นไส้ อยากจะอาเจียนละก็มีวิธีแก้ง่าย ๆ ซึ่งอาจจะนึกไม่ถึง

          1.ข้อแรกก็คือ น้ำตาล นี่คือคำแนะนำจากศาสตราจารย์โรเบิร์ต วอเร็น หัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมของโรงพยาบาลเด็ก เฟรสโน แคลิฟอร์เนีย

          อาจารย์วอเร็นแนะนำว่าให้ใช้น้ำเชื่อมจาก ผลไม้หรือต้นไม้ อย่างเช่น เมเปิ้ล ไซรับ ซึ่งเมืองไทยมีขายแต่แพงมาก ผมขอแนะนำให้ใช้ น้ำผึ้งแท้แทนหรือน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลโตนดแท้ ๆ ทั้งหมดนี้ให้ใช้เพียง อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผู้ใหญ่-ถ้าเป็นเด็กก็ใช้ช้อนเดียว) ผสมกับ น้ำร้อน คนให้เข้ากัน แล้วดื่มอุ่น ๆ ทันที จะทุเลาอาการคลื่นไส้ได้ (อย่าดื่มเกินกว่านั้นครับ)

          2.ดื่มชาจีนร้อน ๆ หรือชาฝรั่งร้อน ๆ ร้อนในที่นี้หมายความว่าชงน้ำร้อนเดือด แล้วปล่อยให้อุ่นขนาดนิ้วจิ้มดูพออุ่น ๆ

          3.ดื่มน้ำขิง ถ้ามีขิงแก่ ๆ ยิ่งดี หั่นขิง เป็นข้อหนาประมาณ 1/2 นิ้ว ทุบให้แหลก ต้มกับน้ำให้เดือด ดื่มอุ่น ๆ

          4. เวลากินอาหารต้องกินข้าวหรือแป้งก่อน ถ้าคุณชอบกินแต่สเต๊กเนื้อหรือไก่-เป็ดเปล่า ๆ แปลว่าคุณกินผิด มันจะย่อยไม่ได้ คุณจะคลื่นไส้อาเจียนง่าย ๆ ต้องกินข้าว (ซ้อมมือ) ก่อน

          5.นวดง่ามนิ้วมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ นวดแรง ๆ ข้างละ 5 นาที

          6.กินยาธาตุบรรจบ 5 เม็ด ร่วมกับ ขมิ้นชัน 3 เม็ด ดื่มกับน้ำขิงแก่ ๆ อุ่น ๆ 1 ถ้วยชา

          ต่อไปคือ การคลื่นไส้-อาเจียน ซึ่งเกิดจากการเจ็บป่วยค่อนข้างหนักครับ ที่การแก้แบบธรรมดา ๆ ที่แนะนำไปแล้วจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะตัวสำคัญที่ทำให้เกิดคลื่นไส้-อาเจียนนั้น เกิดจากการเจ็บป่วยชนิดหนัก ๆ

          ฉะนั้น การแก้การคลื่นไส้-อาเจียนแบบนี้ ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือรักษาการเจ็บป่วยให้หายก่อนแล้วอาการคลื่นไส้-อาเจียนก็จะหายตามไปด้วย

          ขอยกตัวอย่างการเจ็บป่วยหนัก ๆ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

          มะเร็ง มีหลายชนิดมากมาย แต่หลาย ๆ ชนิดเช่นนี้ วิธีรักษามีอยู่ 3 วิธีเหมือน ๆ กัน คือ การผ่าตัด ตามด้วยการให้เคมีบำบัด และรังสีบำบัด (ที่กล่าวถึงนี้คือการรักษาตามแบบการแพทย์แผนปัจจุบัน)

          ที่ยกเรื่อง มะเร็งลำไส้ใหญ่ มาพูดก่อนนี้ ก็เพราะจากประสบการณ์ของผมเอง ซึ่งได้มีโอกาสไปดูแลรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลเอกชน ได้พบกับคนไข้มะเร็งมากมาย ทั้งนี้ ได้มารับการรักษาตามวิธีแพทย์แผนปัจจุบัน และทั้งใช้วิธีการแพทย์แบบผสมผสานตามแนวชีวจิต มีข้อคิดและคำแนะนำหลายอย่าง โดยเฉพาะคนไข้มะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ยกตัวอย่างมาแล้ว เมื่อรักษาขั้นต้น (ตามวิธีการแพทย์แผนปัจจุบัน) ด้วยการผ่าตัดเอาลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็งออก แล้วก็มักจะต้องตามด้วยเคมีบำบัด

          ส่วนมากมักจะต้องให้เคมีบำบัดอย่างน้อย 6 คอร์ส หรือ 6 ครั้ง ที่ได้พบมาบางคนร่างกายอ่อนแอ พอให้เคมีบำบัดครั้งแรก ก็มีอาการแพ้อย่างมากมาย อาการแพ้ที่พอจะเห็นได้ชัดก่อนเพื่อน ก็คืออาการคลื่นไส้-อาเจียน และอาการที่เกิดขึ้นควบกับคลื่นไส้-อาเจียนก็คือ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดอย่างรวดเร็ว

          ตอนนี้ขออนุญาตยังไม่พูดถึงอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการแพ้เคมี บำบัด แต่จะขอพูดถึงคลื่นไส้-อาเจียนอย่างเดียว

          การแพ้คลื่นไส้-อาเจียนอย่างนี้ บางคนน่าสงสารมาก ลุกจากเตียงไม่ได้เลย หมดเรี่ยวหมดแรง ที่เป็นมาก ๆนั้นถึงขนาดยกอาหารจะเป็นซุปร้อนๆหรือข้าวต้มร้อน ๆ มาให้ ได้กลิ่นอาหารเข้าก็เกิดอาเจียนทันที

          ที่น่าวิตกอีกอย่างหนึ่งก็คือ คนไข้ที่เพิ่งรับการผ่าตัดใหม่ ๆ แผลผ่าตัดยังไม่หายดี พอรับเคมีบำบัดเข้าครั้งแรกก็เริ่มคลื่นไส้ อาเจียน ถ้าระหว่างนั้นแผลผ่าตัดยังไม่หายดี ก็จะเกิดการเจ็บปวดแผลผสมกับคลื่นไส้-อาเจียน ทำให้ทนทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น

          ในกรณีอย่างนี้ก็มีผู้ถามผมว่าจะแก้ไขอย่างไร ผมก็ได้แต่ตอบด้วยความสงสารอย่างเหลือเกินว่า "วิธีการแก้การคลื่นไส้ อย่างธรรมดา ๆ ที่เราแนะกันเมื่ออาทิตย์ก่อนนั้น ช่วยการคลื่นไส้ อาเจียนเพราะแพ้เคมีบำบัดไม่ได้หรอกครับ"

          แต่ผมก็ได้ให้กำลังใจญาติผู้ป่วยไปว่า "ถ้าอาเจียนและคลื่นไส้มากอย่างนี้ คุณหมอท่านมียาแก้อาเจียนนะครับ ลองปรึกษาคุณหมอเคมีบำบัดท่านดูเถิด" แต่ก็อีกนั่นแหละครับ การให้ยาแก้อาเจียนแต่ละครั้งนั้นเป็นการบำบัดได้ชั่วคราว ไม่สามารถจะแก้ไม่ให้หายจากการคลื่นไส้-อาเจียนได้ตลอดกาล

          ทั้งนี้ เพราะต้นตอหรือสาเหตุของการคลื่นไส้-อาเจียนนั้น

          1. เกิดขึ้นเพราะป่วยเป็นมะเร็ง และ

          2. เกิดขึ้นเพราะแพ้การรับเคมีบำบัด

          ทั้งสองประการนี้คือสาเหตุ ฉะนั้นถ้าแก้ต้นเหตุได้ คือ รักษามะเร็งให้หาย และไม่ต้องใช้เคมีบำบัด การคลื่นไส้-อาเจียนก็ย่อมไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

          ขออนุญาตอธิบายต่อสักนิด เพราะผมเชื่อว่า ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับมะเร็งและได้ศึกษา รวมทั้งมีประสบการณ์เกี่ยวแก่มะเร็งมามากพอสมควร อยากจะพูดถึงการแก้การคลื่นไส้ เพราะแพ้เคมีบำบัดว่า ถ้าแก้การคลื่นไส้ด้วยการให้ยากันล่วงหน้า (มีทั้งยากินและยาฉีด) ก็ต้องระวังการแพ้ยาหรืออาการข้างเคียงของยาแก้คลื่นไส้ด้วย

          ขอยกยา ตัวหนึ่งซึ่งใช้กันมากพอสมควร คือยา GRANISER-TRON (นี่คือชื่อตัวยาซึ่งเราเรียกตามภาษาแพทย์ว่าเป็น GENERIC NAME นะครับ ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อของยา ซึ่งบริษัทยามักจะเอาตัวยาไปผลิตเอง แล้วก็ตั้งชื่อใหม่ ขายเป็นผลิตผลของบริษัทตนเอง)

          ยาตัวนี้เป็นตัวแก้และป้องกันอาการคลื่นไส้-อาเจียนได้ดีพอสมควร และนิยมใช้กับคนไข้หลังการผ่าตัด และคนไข้ซึ่งต้องรับเคมีบำบัดและรังสีบำบัด แต่สิ่งที่จะต้องระวังก็คือ พอให้ยาตัวนี้เข้าไป อาการแพ้ยาก็จะเกิดขึ้น เช่น มีอาการปวดหัว และยังแถมมีอาการท้องไส้ผิดปกติ คือ ท้องผูกและท้องเดินได้

          หรือยาอีกตัวหนึ่ง RAMOSETRON (ชี่อตัวยานะครับ) ก็คล้าย ๆ กับยาตัวเมื่อครู่นี้ ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ แต่ทำให้มีอาการปวดหัว แถมด้วยตัวร้อนหน้าร้อนวูบวาบ ท้องเดินหรือท้องผูก และมีอาการสะอึกได้ง่าย แถมยังเป็นอันตรายต่อการทำงานของตับด้วย

          ต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะครับ ที่เอาเรื่องเคมีบำบัดและรังสีบำบัดมาเขียนไว้นิดหน่อยแค่นี้ ไม่ต้องการจะอวดตัวว่าตัวเองรู้ หรือต้องการวิจารณ์การรักษาของผู้ใดผู้หนึ่งโดยเฉพาะ

          แต่ผมเห็นว่า ผมควรจะตอบแฟนหลายท่านที่ท่านอ่านคอลัมน์นี้เป็นประจำ ท่านเคยถามคำถามเหล่านี้กับผม บางท่านพอหนังสือออก โทรศัพท์ที่บ้านไม่เคยว่างเลย แถมคำถามจากทางแฟกซ์ก็มีมากด้วย

          สิ่งที่ผมอยากจะบอกเกี่ยวกับเรื่องมะเร็งนี้ก็คือ อยากให้ท่านที่ป่วยกรุณาย้อนไปอ่านคอลัมน์ "ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต" นี้ตั้งแต่ต้นสักนิด

          เพราะในเรื่องของสุขภาพและการเจ็บป่วยไม่ว่าหนักหรือเบานี้ เราจะพูดถึงหลักการใหญ่ในการแก้ไขและรักษาตลอดมา

          หลักการใหญ่นั้นก็คือ IMMUNE SYSTEM หรือ "ภูมิชีวิต"

          รักษา "ภูมิชีวิต" ให้แข็งแรงและสมบูรณ์มาโดยตลอด ไม่ต้องกลัวเรื่องมะเร็งและเรื่องคลื่นไส้-อาเจียน เรื่องเล็ก ๆ อย่างนี้ไม่มีวันเกิดกับตัวเองหรอกครับ

 

 

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X