
สรุปเรื่องที่ควรรู้ เกี่ยวกับการตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง
Advertisement
|
|
คลิก!!!
|
|
หากคู่สมรสกำลังประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งการตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะมีบุตรยากอย่างทันท่วงที จะช่วยให้เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ สำหรับผู้หญิงที่สนใจบริการตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง สามารถเข้ามาข้อที่ควรรู้ดี ๆ ได้ในบทความนี้เลย
ภาวะมีบุตรยาก (Infertility) หมายถึง ภาวะที่คู่สมรสที่มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ใช้การป้องกันเป็นเวลา 1 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ตั้งครรภ์ ภาวะมีบุตรยากสามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยในผู้หญิงนั้น สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ปัญหาการตกไข่ พบได้ประมาณ 25% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุของปัญหาการตกไข่ ได้แก่ ภาวะไข่ไม่ตก (Anovulation) ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome, PCOS) ภาวะขาดฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ (Luteal Phase Defect) เป็นต้น
- ปัญหาท่อนำไข่ พบได้ประมาณ 25% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุของปัญหาท่อนำไข่ ได้แก่ ท่อนำไข่ตีบตัน ท่อนำไข่อุดตัน หรือท่อนำไข่อักเสบ เป็นต้น
- ปัญหามดลูก พบได้ประมาณ 15% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุของปัญหามดลูก ได้แก่ มดลูกมีรูปร่างผิดปกติ เนื้องอกในโพรงมดลูก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก พังผืดในโพรงมดลูก เป็นต้น
- ปัญหาด้านภูมิคุ้มกัน พบได้ประมาณ 5% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุของปัญหาด้านภูมิคุ้มกัน ได้แก่ ร่างกายผลิตแอนติบอดีต่อตัวอ่อน เป็นต้น
- ปัญหาอื่นๆ พบได้ประมาณ 20% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ ปัญหาเกี่ยวกับอสุจิของคู่สมรส ปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ เป็นต้น
การตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิงนั้น แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก จากนั้นจะทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมตามความจำเป็น
บริการตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง
- การตรวจการตกไข่ แพทย์จะตรวจปัสสาวะเพื่อหาฮอร์โมนไข่ตก (LH Surge) หรือตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) เพื่อดูการเจริญเติบโตของถุงน้ำรังไข่
- การตรวจระดับฮอร์โมน แพทย์จะตรวจระดับฮอร์โมนที่ควบคุมระบบสืบพันธุ์ เช่น ฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ (FSH) ฮอร์โมนลูทีไนซิง (LH) ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เป็นต้น
- การตรวจอัลตราซาวด์ แพทย์จะตรวจอัลตราซาวด์บริเวณโพรงมดลูกและรังไข่ เพื่อดูความผิดปกติของมดลูก รังไข่ และท่อนำไข่
- การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก แพทย์จะสอดกล้องขนาดเล็กเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อดูความผิดปกติของโพรงมดลูกและท่อนำไข่
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการ แพทย์อาจตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เช่น การตรวจน้ำอสุจิ การตรวจโครโมโซม เป็นต้น
การตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง จะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ผลการตรวจวินิจฉัยจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ เมื่อทราบผลการตรวจวินิจฉัยแล้ว แพทย์จะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
แนวทางการรักษา
- การรักษาด้วยยา แพทย์อาจใช้ยากระตุ้นการตกไข่ ยาปรับฮอร์โมน หรือยาอื่นๆ เพื่อช่วยให้เกิดการตกไข่และเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
- การผ่าตัด แพทย์อาจผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติของมดลูก รังไข่ หรือท่อนำไข่
- เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ แพทย์อาจใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น การฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI) หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นต้น
ภาวะมีบุตรยากเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคู่สมรสในปัจจุบัน กการตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง มีความสำคัญในการหาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์