หลังจากได้รับเงินที่เคยถูกฉ้อโกงจากอดีตบริษัทต้นสังกัดคืนมา  อีซึงกิ (Lee Seung Gi) ได้นำเงินนั้นไปช่วยเหลือคนไข้ของโรงพยาบาลเด็กมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยว่า อีซึงกิ ได้ส่งหนังสือขอให้ Hook Entertainment เปิดเผยข้อมูลการโอนเงินรายได้ให้กับเขา จากนั้นสำนักข่าวดิสแพท (Dispatch) รายงานว่า อีซึงกิไม่เคยได้รับรายได้จากกำไรของผลงานเพลงของเขาเลย ซึ่งในตอนแรก Hook Entertainment ได้ออกมาปฏิเสธ ยืนยันว่าได้ให้ข้อมูลด้านการเงินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอีซึงกิแล้ว และได้จ่ายเงินให้เขาทั้งหมดแล้วตอนที่ต่อสัญญาเมื่อปี 2021

อย่างไรก็ตาม หลังจากตัวแทนกฎหมายของอีซึงกิได้ออกมาปฏิเสธสิ่งที่ Hook Entertainment กล่าว ทางด้าน ซีอีโอของ Hook Entertainment ก็ได้ออกมาขอโทษในที่สุดและประกาศว่า เธอจะรับผิดของเต็มที่ต่อประเด็นความขัดแย้งต่ออีซึงกิ ในวันที่ 16 ธันวาคม Hook Entertainment อ้างว่าได้จ่ายเงินทั้งหมดที่ไม่เคยจ่ายให้กับอีซึงกิเรียบร้อยแล้ว
 

อีซึงกิได้ออกมาโพสผ่านทางอินสตาแกรม และสัญญาว่าจะนำเงินทั้งหมดที่ได้รับคืนมาไปบริจาค

วันที่ 29 ธันวาคม โรงพยาบาลเด็กประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ได้ออกมาบอกว่าได้รับเงินเป็นจำนวน 2 พันล้านวอน (ประมาณ 54 ล้านบาท) บริจาคโดย อีซึงกิ เพื่อใช้ในการพัฒนาการบริการทางการแพทย์ ทางโรงพยาบาลเปิดเผยว่าอีซึงกิได้มาเยี่ยมโรงพยาบาลด้วยตัวเอง และแสดงความเห็นอกเห็นใจเมื่อได้เห็นการดูแลผู้ป่วยเด็กที่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่เนื่องจากโครงสร้างอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยังไม่สมบูรณ์

โรงพยาบาลมีแผนจะนำเงินของอีซึงกิไปปรับปรุงห้องของโรงพยาบาลให้รองรับคนได้มากขึ้น และปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยจะสามารถเข้ารับการบริการในสถานที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีขึ้น นอกจากนี้โรงพยาบาลยังกำลังหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะตั้งชื่อหนึ่งในวอร์ดที่ได้รับการปรับปรุงว่า ‘วอร์ดอีซึงกิ’ เพื่อตอบแทนการบริจาคช่วยเหลือของเขาในครั้งนี้ 

อีซึงกิ ได้โพสข้อความผ่านทางอินสตาแกรมของเขา เปิดเผยว่า:

“ผมไปมอบเงินที่ได้รับกลับมาเพื่อบางสิ่งที่มีความหมายมากกว่า ผมไปยังสถานที่ด้วยตัวเองและสำรวจสถานที่ที่ยังต้องการการปรับปรุงด้วยตาตัวเอง และผมตัดสินใจจะ [บริจาค] ให้กับโรงพยาบาลเด็กประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล

หลังจากได้เห็นเด็ก 7 คน รวมกับผู้ปกครอง รวมแล้วถึง 14 คน นั่งรวมกันอยู่ในห้องเดียว เพื่อต่อสู้กับโรคร้าย เป็นสิ่งที่ผมไม่อาจลืม ตอนนี้ผมกำลังเดินทางกลับหลังจากบริจาคเงินจำนวน 2 พันล้านวอน

โรงพยาบาลเด็กประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล เป็นโรงพยาบาลเด็กแห่งแรกของเกาหลี ผมหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วยเด็กและครอบครัวของพวกเขาได้อีกนิด และหวังว่าพวกเขาจะเอาชนะโรคร้ายได้ในสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอง

การบริจาคเงินของผมจะดำเนินต่อไปในปีใหม่นี้เช่นกัน

ผมจะไปเยี่ยมที่อื่นด้วย และจะใช้ [เงินนี้] ในสถานที่ที่มีความหมายมากขึ้น ผมอธิษฐานให้ทุกคนผ่านปีนี้ไปได้อย่างดีและมีปีใหม่ที่ได้พบเจอแต่กับสิ่งที่ดี

ขอบคุณ”

ในอีกบทความหนึ่ง อีซึงกิได้พูดถึงการตัดสินใจบริจาคให้กับโรงพยาบาลเด็กของเขาว่า

“อัตราการเกิดที่ต่ำส่งผลต่อความอยู่รอดของประเทศ และเด็กที่มีพัฒนาการแข็งแรงและมีความสุขทำให้อนาคตของเกาหลีสดใส แม้ว่าการบริจาคแค่ 1 ครั้งจะมีขอบเขตของมัน แต่ผมหวังว่า [เงินส่วนนี้] จะทำหน้าที่ในการมอบโอกาสเพื่อสร้างสถานที่ให้กับผู้ป่วยเด็กและสร้างความสนใจให้แก่สังคมได้ และผมจะสนับสนุนเช่นนี้ต่อไปเพื่อให้เด็กๆได้เติบโตมาอย่างสุขภาพดีและมีความสุข”

คิมยอนซู ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็กประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลเผยว่า

“เรารู้สึกขอบคุณสำหรับความตระหนักที่เขามีต่อสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยังไม่สมบูรณ์ของเรา และการตัดสินใจ [บริจาค] เงินของเขา ในฐานะแพทย์ [เงินนี้] ช่วยได้มาก เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลจะทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แค่รักษาผู้ป่วยเด็กของเรา แต่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตและทำให้คุณภาพชีวิตของครอบครัวของพวกเขาดีขึ้นด้วยเช่นกัน”
 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีซึงกิบริจาคให้กับงานด้านการดูแลเด็ก เมื่อปี 2019 เขาเคยบริจาคเพื่อช่วยเหลือค่ารักษาผู้ป่วยเด็ก รวมถึงเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการบำบัด นอกจากนี้เขายังบริจาคช่วยเหลือเด็กจากครอบครัวรายได้ต่ำผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และมีความตั้งใจจะบริจาคเช่นนี้ต่อไปในปี 2023 

ที่มา   (1)