WINNER ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง เคมีของสมาชิกในวง, โรคตื่นตระหนกของมิโน และอีกมากมาย
2022-03-26 11:38:01
Advertisement
คลิก!!!

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม สมาชิกวง WINNER ได้เข้าร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ Oh Eun Young’s Golden Clinic พวกเขาได้พูดคุยกับ คุณหมอโออึนยอง จิตแพทย์ชื่อดังเกี่ยวกับความกังวลส่วนตัว

อีซึงฮุน (Lee Seung Hoon) อธิบายว่า “เราไม่ค่อยพูดความรู้สึกของตัวเองกับสมาชิกคนอื่น ผมกังวลว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ที่ยังคงรักษาเส้นแบ่งอันนี้เอาไว้ในหมู่พวกเรา หรือว่ามันจะดีกว่าถ้าเราพูดออกไปมากขึ้น”

คังซึงยุน (Kang Seung Yoon) พูดเพิ่มเติม “พวกเราเป็นพวกที่ไม่ค่อยโอดโอยเรื่องปัญหาส่วนตัวให้คนอื่นรู้ ผมคิดว่าไม่เคยได้ยินเรื่องลำบากของคนอื่นเลย ที่ตลกคือ เราสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่พอเป็นแบบนี้ มันเหมือนกับมีอะไรกั้นอยู่ระหว่างสมาชิกแต่ละคน”

คิมจินอู (Kim Jin Woo) พูดเสริมขึ้นมาว่า “เรามีความคิดที่ว่าอย่าหาเรื่องให้ทะเลาะกันดีกว่า ผมเลยคิดว่ามันเป็นที่มาว่าทำไม่เราถึงไม่แสดงออกเรื่องความรู้สึกต่อกัน” อีซึงฮุน พูดต่อ “ผมรู้สึกมาตลอดว่าสมาชิกของเราอ่อนไหวมากขึ้น ผมอาจจะเป็นคนเดียวก็ได้ แต่ว่าสิ่งที่ผมกังวลมากที่สุดหลังจากผมปลดประจำการก็คือปัญหาการสื่อสารกันของสมาชิกในวง”

คังซึงยุน และ อีซึงฮุน อยู่หอด้วยกัน สมาชิกอีก 2 คนอยู่ที่พักของตัวเอง สมาชิกในวงบอกว่าพวกเขาเรียนรู้เรื่องการสื่อสารเยอะ แต่ไม่มีหัวข้อไหนที่พูดถึงเรื่องการบอกความรู้สึกของตัวเองเลย

เมื่อคุณหมอโอถามว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ สมาชิกในวงเห็นด้วย อีซึงฮุนเสริมว่า “ผมคิดว่ามันคือความสัมพันธ์แบบพิเศษของพวกเราครับ”

เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์นี้ สมาชิกในวงได้ดูวิดีโอที่ถ่ายภาพชีวิตในทุกวันของพวกเขา ภาพแรกเป็นภาพที่ ซงมิโน (Song Mino) กำลังอารมณ์ไม่ดี และสมาชิกทุกคนอยู่ห่างออกไป คุณหมอโอบอกว่า “น่าตกใจนะคะ ฉันเห็นมิโนกำลังพยายามอย่างหนักเลย เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ถ้าปกติเขามีพลัง 200 ตอนนี้เขาเหลืออยู่แค่ 100 ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบสมาชิกของเขานะ เขาแค่มีเรื่องรำคาญใจของตัวเอง”

หลังจากคุณหมอโอได้วิเคราะห์สมาชิกในวงด้วยแบบทดสอบ Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI) ซึ่งเป็นแบบทดสอบทางจิตวิทยาเพื่อประเมินบุคลิกภาพและสภาพจิตใจ เธออธิบายว่า ทั้งคังซึงยุน และ อีซึงยุน เป็นพวกที่เน้นการส่งเสริมจากผู้คน คังซึงยุนบอกว่าเขาเป็นพวกหมกมุ่นกับชาร์ตเพลงและคอมเม้นท์ของแฟนคลับ

ซงมิโนเล่าว่า “เวลาผมโพสรูปลงโซเชียลมีเดีย ผมไม่ค่อยคิดอะไรเลยครับ แต่ว่าซึงยุนเป็นประเภทที่จะคิดไว้แล้วว่าจะมีการตอบสนองอะไรบ้าง คิดไว้เป็น 1000 แบบเลยครับ” คังซึงยุนเห็นด้วย “ผมอ่อนไหวกับฟีดแบคจากคนอื่นครับ”

 

คังซึงยุนพูดต่อ “ผมติดกับของมาตรฐานที่คนอื่นตัดสิน ผมเลยพยายามจะไปให้ถึงมาตรฐานนั้น หลังจากใช้ชีวิตแบบนั้น ผมคิดว่าการแยกแยะของผมกว้างขึ้นนะครับ ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับการอ่อนไหวกับการรับรู้ของคนอื่น”

ซงมีโนเปิดเผยหลังจากนั้นว่า เวลาที่เขาเอาแต่คิดว่าทำยังไงเขาถึงจะพัฒนา เขาไม่เคยพูดคุยเรื่องนี้กับสมาชิกเลยเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรดีขึ้น มิโนบอกว่า “ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยครับ แต่ว่าเริ่มจากช่วงปลายปี 2017 ด้วยตัวโรคตื่นตระหนกของผมทำให้ผมคิดว่าตัวเองกำลังจะตายหรือเปล่า มันหายใจไม่ออกครับ และเหมือนจะเป็นลม มันแย่ลงเรื่อยๆ ทำให้ผมตัดสินใจไปโรงพยาบาล และผมได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคตื่นตระหนกและโรคซึมเศร้าที่มีอาการฟุ้งพล่าน ผมเลยได้รับยาสำหรับรักษาสุขภาพจิตและเข้ารับการบำบัดด้วย”

ซงมิโนทำให้หลายคนตกใจเมื่อเขาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงที่เขาประสบความสำเร็จในการโปรโมทในฐานะศิลปินเดี่ยวครั้งแรกและเข้าร่วมรายการ New Journey to the West และ Kang’s Kitchen เขาเล่าว่า “หลังจากถ่ายทำรายการวาไรตี้ ผมออกไปร้องไห้โดยที่ไม่มีใครรู้ และกลับมาใหม่ เหมือนว่าถ้าไม่ได้ถ่ายทำ ชีวิตของผมก็กลายเป็นโศกนาฏกรรมไปเลย”

มิโนเล่าต่อ “มันค่อยๆกลายเป็นนิสัยที่ไม่ยอมเปิดเผยภาพลักษณ์ที่อ่อนแอ แทนที่จะมีความรู้สึกว่าไม่อยากพูด กลับกลายเป็นว่าผมคิดว่าทำไมต้องทำด้วย” ซงมิโนเล่า” ผมเป็นคนที่ได้รับความรักมากมาย มีแฟนคลับ มีเพื่อนร่วมงาน และแค่มีความสุขแค่นั้น แต่ความกังวลใหญ่ก็คือ ไม่มีอะไรทำให้ผมมีความสุขเลย”

ซงมิโนยังเปิดใจเล่าเรื่องครอบครัวของเขา เขาบอกว่าพ่อของเขาอยู่โรงพยาบาลมานานเพราะเรื่องสุขภาพตับ มิโนเล่าว่า “ผมไม่คิดว่าผมเป็นพวกที่พึ่งพาครอบครัวได้ครับ หน้าที่ของผมคือเสาหลักของครอบครัว และเพราะครอบครัวของผมมีค่ามาก ผมเลยคิดว่าทำไม [ครอบครัวของผม] ไม่ให้ความรู้สึกเหมือนรังนกที่ผมสามารถพักผ่อนหัวใจของตัวเองได้”

คุณหมอโอบอกว่า “คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากการใช้ชีวิตได้ แต่ว่าความรู้สึกที่ซื่อตรง และการบอกมันออกมา แบ่งปันให้คนรอบข้างได้รับรู้เป็นสิ่งที่ดีนะคะ” เธอพูดต่อ “[มิโน] เป็นคนที่มีความสร้างสรรค์และความเป็นศิลปินซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นคนมีความสามารถแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางที่คนเราจะสร้างสรรค์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 365 วันต่อปี แต่เพราะว่าซงมิโนคิดว่านี่คือสิ่งสำคัญ ฉันคิดว่าเขาเลยรู้สึกกดดันในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ เขากลัวว่าไอเดียที่พลุ่งพล่านของเขาจะหายไป พูดตามตรงนะคะ คุณต้องพักผ่อนเพื่อเติมพลังแห่งการสร้างสรรค์ แต่มิโนคิดว่าชีวิตของตัวเองคงไม่มีความหมายถ้าพลังแห่งความสร้างสรรค์ของตัวเองไม่โลดแล่น”

 

คุณหมอบอกเพิ่มเติมว่า “มันน่ากังวลตรงที่ มิโนมีความกังวลใหญ่ว่า ‘จะเป็นอย่างไรถ้าฉันกลายเป็นปกติ?’ เมื่อคุณเอาแต่คิดแบบนี้ สมองของคุณจะรู้สึกล้า การพักผ่อนและนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญนะคะ” คุณหมอโอยังบอกอีกว่า “ช่วงเวลาที่คุณไม่มีความรู้สึกทางศิลปะ เป็นช่วงเวลาที่คุณควรพักผ่อนค่ะ”

ในรายการ คิมจินอู ได้พูดถึงเรื่องที่เขาไม่ได้บอกข่าวการเสียชีวิตของคุณย่าให้สมาชิกในวงรู้ ในบทสัมภาษณ์ คิมจินอูอธิบายว่า “ผมคิดว่าผมมีสุขภาพจิตที่ดี เมื่อไม่นานมานี้ มีเรื่องลำบากเกิดขึ้น และผมคิดว่าผมคงจะดีขึ้นหลังจากนั้น คุณย่าของผมเพิ่งเสียไปครับ และผมคิดว่านั่นแหละคือสาเหตุสำคัญ”

คิมจินอูเล่าต่อ “ตั้งแต่อายุ 7 ขวบจนถึงย้ายมาอยู่โซล ผมไปหาคุณย่าตลอดและไปหาเธอเสมอเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกัน แต่ว่าหลังจากผมมาโซล และประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ผมไม่สามารถทำอะไรให้คุณย่าได้เลยครับ ผมคิดว่าเพราะผมรู้สึกผิด”

เขาบอกว่าไม่ได้บอกเรื่องคุณย่าเสียชีวิตให้กับสมาชิกในวง WINNER รู้ พร้อมอธิบายว่า “ผมไม่ได้คิดจะบอกพวกเขาครับ ถ้าผมเล่าเรื่องเศร้าของตัวเองก็คงจะช่วยให้ดีขึ้นบ้าง แต่ว่าผมคิดว่ามันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ผมมีนิสัยที่ไม่ค่อยชอบพูดถึงเรื่องของตัวเองครับ เวลาที่เจอกับเรื่องลำบาก ผมจะดื่ม และคิดว่า [ปัญหาของผม] เบาบางลงไปเหมือนผมดื่ม เพราะว่าผมลืมมันไปได้ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลานั้น”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ผ่านทางบทสัมภาษณ์ คังซึงยุนบอกว่า “ผมเศร้านะครับ และสงสัยด้วยว่า ‘ทำไมเขาไม่บอกพวกเรา?’” ซงมิโนพูดต่อ “ผมตกใจเลย เพราะไม่รู้อะไรเลย ผมเข้าใจนะว่าทำไมเขาไม่พูดเรื่องนี้ แต่ผมก็อยากให้เขาบอก และเพราะว่าผมไม่รู้เรื่องเลย เลยทำให้รู้สึกเสียใจและเศร้า”

คิมจินอูอธิบาย “เพราะว่ามันเป็นเรื่องเศร้า ผมเลยไม่อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกนี้ไปให้สมาชิกของผม ผมไม่อยากแบ่งปันความรู้สึกนี้”

คุณหมอโออธิบายว่า คิมจินอู เป็นคนที่มีความรู้สึกไม่ปลอดภัย “มันเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการหลีกเลี่ยง แต่คนที่มีนิสัยแบบนี้มักจะเป็นพวกที่มองตัวเองในแง่บวกมาก อย่างไรก็ตามเรื่องการแสดงความรู้สึกต่อคนอื่นของพวกเขาไม่ได้เป็นไปในทางบวกเลย”
เธออธิบายเพิ่ม “มันจะมีช่วงที่พวกเขารู้สึกว่าความรู้สึกที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นกลายเป็นภาระ และรู้สึกว่าการพูดคุยเป็นเรื่องไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าจินอูไม่ชอบผู้คนนะคะ คือถ้าเรามองจินอูให้เหมือนปราสาท เขาจะเป็นพวกที่รู้สึกมั่นคงถ้าประตูถูกปิดเอาไว้ และด้วยนิสัยแบบนี้ เป็นเรื่องยากสำหรับเขาเลยค่ะที่จะพูดถึงความรู้สึกภายในของตัวเอง”


ที่มา ( 1 ) ( 2 ) ( 3 ) ( 4 )

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X