ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีในปัจจุบันประสบความสำเร็จในระดับโลก จากยอดผู้ชมที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่ากระแสความนิยมของซีรีส์/ภาพยนตร์เกาหลี ส่งผลต่อกระแสความนิยมของนักแสดงเกาหลีเช่นกัน ทำให้ไม่แปลกใจเลยเมื่อมีการเปิดเผยค่าตัวของนักแสดงเกาหลีระดับท็อปของวงการหลายคนที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

ย้อนกลับไปเมื่อ 10-20 ปีก่อน ค่าตัวของนักแสดงเกาหลีนั้นอยู่ที่ประมาณ 20-30 ล้านวอน ต่อการแสดงซีรีส์ 1 ตอน (ประมาณ 550,000 – 830,000 บาท) จากนั้นก็เพิ่มสูงขึ้นเป็น 100 ล้านวอน (ประมาณ 2.7 ล้านบาท) ในยุคของ แบยองจุน (Bae Yong-joon) ที่กระแสซีรีส์เกาหลีเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในต่างประเทศ จากเรื่อง The Legend ในปี 2007

หลังจากนั้น 11 ปี ค่าตัวของนักแสดงเกาหลีก็พุ่งสูงขึ้นไปอีก อย่างกรณีของ อีบยองฮอน (Lee Byung-hun) ในเรื่อง Mr. Sunshine ที่เขาได้รับค่าตัว 150 ล้านวอน (ประมาณ 4.1 ล้านบาท) ต่อการแสดง 1 ตอน ค่าตัวนักแสดงเกาหลีไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เพราะหลังจากนั้นในปี 2020 คิมซูฮยอน (Kim Soo-hyun) ได้กลายเป็นนักแสดงที่มีค่าตัวต่อการแสดงซีรีส์ 1 ตอนสูงที่สุดจากซีรีส์เรื่อง It’s Okay to Not Be Okay โดยเขาได้รับค่าตัว 200 ล้านวอน (ประมาณ 5.5 ล้านบาท) ต่อตอน

จนตอนนี้ในปี 2021 มีข่าวว่าค่าตัวนักแสดงระดับท็อปบางคนได้ไต่ไปถึง 300 ล้านวอน (ประมาณ 8.3 ล้านบาท) ต่อการแสดงซีรีส์ 1 ตอนแล้ว

การร่วมงานกับนักแสดงที่มีชื่อเสียง ดึงดูดนักลงทุนและสินค้าจากต่างประเทศให้ร่วมลงทุนในซีรีส์เรื่องนั้น ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายเรื่องยอมทุ่มงบจ้างดาราระดับแม่เหล็ก

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คิมซูฮยอน ทำให้หลายคนตกใจ กับค่าตัวของเขาที่ได้รับจากเรื่อง One Ordinary Day ที่สูงถึง 500 ล้านวอน (ประมาณ 13 ล้านบาท) ต่อตอน โดยเรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันผลิตระหว่าง Gold Medallist ต้นสังกัดของคิมซูฮยอน และ Coupang Play บริษัทในเครือของ เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ Coupang ซึ่งคล้ายกับ Amazon ของเกาหลี ถือเป็นผลงานซีรีส์ชิ้นแรกบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งใหม่นี้ ทำให้ต้องทุ่มเงินเพื่อให้ได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปกันหน่อย

นอกจากคิมซูฮยอนแล้ว ยังมีนักแสดงคนอื่นที่ได้รับค่าตัวสูงในการแสดงซีรีส์ในแต่ละตอน เช่น ฮยอนบิน (Hyun Bin) ได้รับค่าตัว 150 – 180 ล้านวอน (ประมาณ 4.1 – 4.9 ล้านบาท) จากผลงานเรื่อง Crash Landing on You และ ซงจุงกิ (Song Joong-ki) ที่ได้ค่าตัว 180 ล้านวอน (ประมาณ 4.9 ล้านบาท) จากเรื่อง The Arthdal Chronicles และน่าจะได้มากกว่า 200 ล้านวอน (ประมาณ 5.5 ล้านบาท) จากเรื่อง Vincenzo

นักแสดงคนอื่นที่มีค่าตัวต่อการแสดงซีรีส์ 1 ตอนมากกว่า 100 ล้านวอน (ประมาณ 2.7 ล้านบาท) ได้แก่ อีมินโฮ (Lee Min-ho) จากเรื่อง The King: Eternal Monarch, อีจงซอก (Lee Jong-suk) จากเรื่อง While You Were Sleeping, อีซึงกิ (Lee Seung-gi) จากเรื่อง Vagabond และ พัคโบกอม (Park Bo-gum) จากเรื่อง Encounter

จากการทุ่มเงินให้กับนักแสดงหลักของเรื่อง ทำให้ซีรีส์ใช้เงินมหาศาลกับงบส่วนนี้ และมีความจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่น จากข้อมูลของสมาคมนักแสดงโทรทัศน์เกาหลี เปิดเผยว่า รายได้ของนักแสดงเกาหลีนั้นลดลงประมาณ 30% ในช่วงปี 2015 -2019 มีนักแสดง 79.4% ได้ค่าตัวน้อยกว่า 10 ล้านวอน (ประมาณ 270,000 บาท) ต่อปี และมีแค่ 4.8% เท่านั้นที่ได้รับรายได้มากกว่า 100 ล้านวอน (ประมาณ 2.7 ล้านบาท)

นอกจากนี้นักแสดงที่มีชื่อเสียงยังไม่ต้องแบกรับเรื่องความกดดันเกี่ยวกับรายได้ของผลงานเหมือนกับโปรดิวเซอร์ ไม่ว่าโปรเจคนั้นจะออกมารุ่งหรือร่วง พวกเขาก็ยังได้รับค่าตัวเหมือนเดิม

หลายคนในวงการบันเทิงเกาหลีจึงเริ่มเรียกร้องให้มีการการันตีรายได้ขั้นต่ำของนักแสดง และส่วนแบ่งที่จะได้รับหากโปรเจคนั้นได้กำไร เหมือนที่เคยได้ยินกันในแวดวงบันเทิงฮอลลีวูด

เมื่อพูดถึงความไม่เท่าเทียม ยังมีประเด็นความไม่เท่าเทียมของรายได้ระหว่างนักแสดงชาย กับ นักแสดงหญิง โดยน่าจะมีนักแสดงหญิงแค่ 2 คนเท่านั้น คือ จอนจีฮยอน (Jun Ji-hyun) และ อียองเอ (Lee Young-ae) ที่น่าจะได้รายได้จากการถ่ายทำซีรีส์ 1 ตอน มากกว่า 100 ล้านวอน (ประมาณ 2.7 ล้านบาท)

นักแสดงหญิงนั้นมักจะมีค่าตัวไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับนักแสดงชาย แม้ว่าพวกเธอจะมีฝีมือและฐานแฟนคลับเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนก็ตาม มีรายงานว่าในปี 2020 นักแสดงหน้าใหม่ชายที่ขึ้นมารับบทนำ ยังได้ค่าตัวถึง 70 ล้านวอน (ประมาณ 1.9 ล้านบาท) ต่อการแสดงซีรีส์ 1 ตอน ซึ่งเท่ากับค่าตัวของนักแสดงหญิงมากฝีมือของวงการอย่าง คิมฮีเอ (Kim Hee-ae) ที่เธอได้รับจากการแสดงเรื่อง The World of the Married ซีรีส์เรตติ้งสูงตลอดกาลอีกเรื่องหนึ่งของเกาหลี