คิมซูฮยอน (Kim Soo Hyun) พูดถึงการเตรียมตัวสำหรับซีรีส์เรื่องใหม่ รวมถึงคุณค่าในตัวเขาที่เปลี่ยนไป และอีกมากมาย
2021-03-24 19:13:18
Advertisement
คลิก!!!

คิมซูฮยอน (Kim Soo Hyun) ได้ร่วมถ่ายแบบและให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Vogue เมื่อไม่นานมานี้

คิมซูฮยอนได้พูดถึงเส้นทางในวงการบันเทิงที่นานกว่า 10 ปีของเขา คิมซูฮยอนกล่าวว่า “ผมเริ่มต้นในปี 2007 และผมได้ค้นพบตัวเองที่นี่ พอมองย้อนกลับไป มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกว่ามันหนักเกินไป รู้สึกเสียดาย อยากจะหันหลังกลับ รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ ผมไม่สามารถบอดได้ว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว หรือว่าผิดตอนที่มองกลับไปในอดีต แต่ก็รู้สึกว่าไม่ควรจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้นเช่นกัน เวลาจะผ่านไป ไม่ว่ามันจะเป็นความภูมิใจหรือบากแผล ทั้ง 2 สิ่งนี้ทิ้งเส้นทางให้กับคุณ ผมยังคงวิ่งตามความฝัน และไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ที่จะทำให้คนจดจำในฐานะนักแสดง แต่ตอนนี้ผมทนทานต่อความรู้สึกรอบตัวเหล่านั้นได้แล้วครับ”

คิมซูฮยอนพูดต่อ “ผมไม่เคยมีช่วงเวลาที่อยากจะหายไป หรือว่ารู้สึกหมดหวังนะครับ แค่มีบางช่วงที่อยากพัก โชคดีที่มันเกิดขึ้นช่วงที่ผมกำลังจะเข้ากรมพอดี และผมได้พบกับคำถามและคำตอบในเวลาเดียวกัน ตอนนั้นผมมีภาพยนตร์ด้วย แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไปดูหนัง ผลงานที่คนเห็นผมได้ง่ายที่สุดน่าจะเป็นซีรีส์เรื่อง The Producers เมื่อปี 2015 และผมเข้ากรมไป 2 ปี และไม่ว่าผมจะรีบเลือกโปรเจคหลังจากออกจากกรมเร็วแค่ไหน คนก็ได้เห็นหน้าผมอีกครั้งในปี 2020 ผมถามตัวเองว่าจะปิดช่องว่าง 5 ปีนั้นได้อย่างไร มันใช่ความกลัวที่จะทำลายความทรงจำของคนที่จดจำต่อผม แต่เป็นความกดดันที่อยากจะโชว์ด้านใหม่ให้ทุกคนเห็น แต่ก็ยังรู้สึกคุ้นเคยอยู่ในเวลาเดียวกัน ด้วยโลกดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ผู้ชมมีโอกาสเลือกมากขึ้น ผมเลยไม่ใช่คนที่ผู้ชมชื่นชอบแค่คนเดียว”

 

คิมซูฮยอนบอกว่าการมองเห็นคุณค่าของตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในกองทัพ “ผมเลิกโลภแล้วครับ” เขาพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำให้ดี ความโลภนี้ทำให้ผมทำตัวเด่นเวลาแสดงในแต่ละฉาก แต่พอปลดประจำการ ผมได้เรียนรู้ว่าผมไม่ได้เหมาะกับทุกอย่าง บรรยากาศในผลงานที่ออกอากาศไม่สามารถเติมเต็มได้ด้วยคนคนเดียว คุณต้องให้คุณค่าคนอื่น และกลมกลืนกับพวกเขา นี่จะทำให้คุณและเพื่อนร่วมงานเปล่งประกายได้ ผมยังได้ทิ้งความคิดด้านลบไปเยอะมาก เมื่อก่อนผมค่อนข้างเป็นคนคิดลบ เป็นพวกที่คิดมากไปก่อน แต่ตอนนี้ผมยอมรับทุกสิ่งในแบบที่มันเป็น ถ้าผมทำได้ ผมก็พยายามทำตัวคิดบวก แต่ถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยผมก็พยายามไม่คิดมากไปกับมัน ถ้าผมพยายามทำบางสิ่งให้สมบูรณ์แบบ ผมจะคิดแต่เรื่องนั้น และสูญเสียสิ่งอื่นไป จากนั้นผมก็จะรู้สึกเสียดาย และล้มเลิกความตั้งใจของตัวเองทั้งหมดไปเริ่มสิ่งอื่น”

คิมซูฮยอนอธิบายว่าการมองคุณค่าตัวเองที่เปลี่ยนไป ทำให้เขาเลือกแสดงในเรื่อง It’s Okay to Not Be Okay โปรเจคแรกหลังจากออกจากกองทัพของเขา “แตกต่างจากผลงานก่อนหน้านี้ของผม It’s Okay to Not Be Okay เป็นโปรเจคที่ทำให้ผมได้เข้าใกล้มุมมองที่รู้สึกสบายใจ ผมคิดว่าผมคงจะรู้สึกกดดันกว่านี้เพราะมันเป็นคัมแบคโปรเจค แต่ผมรู้สึกเป็นอิสระ มากกว่าทุกงานที่ผมเคยทำ เมื่อก่อน ผมคิดว่า ‘ผมต้องเด่น ผมต้องทำมากกว่านี้เพื่อทำให้ตัวละครของตัวเองโดดเด่น ผลงานการแสดงของผมต้องประสบความสำเร็จ แต่กับ It’s Okay to Not Be Okay ผมก้าวถอยหลังออกมา และเข้าถึงความรู้สึกที่ครุ่นคิดมากขึ้น ไม่ต้องแสดงดราม่าหนัก หรือมีจังหวะที่เปลี่ยนแปลงมากเกินไป ในสนามแข่งขันที่เต็มไปด้วยมืออาชีพ การพยายามทำตัวให้โดดเด่นยิ่งทำให้คุณดูเหมือนมือสมัครเล่น ถ้าคุณเอาแต่โฟกัสถึงผลลัพธ์ คุณจะรู้สึกโดดเดี่ยวระหว่างเส้นทางการแข่งขัน เพราะฉะนั้นทำมันให้เสร็จในจังหวะการเดินของคุณ ผมร่วมงานกับซีรีส์เรื่องนี้ด้วยความคิดนี้ และมันก็ออกมาดี”


คิมซูฮยอนได้รับการทาบทามให้ร่วมงานกับซีรีส์เรื่อง That Night ที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์ของ BBC เรื่อง Criminal Justice ร่วมกับ ชาซึงวอน โดยคิมซูฮยอนได้พูดถึงโปรเจคใหม่ของเขาเล็กน้อยว่า “Criminal Justice เป็นซีรีส์ของอังกฤษที่ออกอากาศตอนปี 2008 เวอร์ชั่นแรกมี 5 ตอน และเนื้อเรื่องดำเนินไปเร็วมาก และคุณจะเชื่อมโยงกับตัวละครได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ส่วนเวอร์ชั่นอเมริกันมี 8 ตอน เลยมีช่วงที่ลงรายละเอียดมากกว่า ทั้ง 2 เวอร์ชั่นมีข้อดีต่างออกไป ส่วนเวอร์ชั่นเกาหลีมีแผนว่าจะทำ 8 ตอนในตอนนี้ แต่ยังคิดกันอยู่ถึงเวลาออกอากาศและวิธี ผมไม่รู้สึกกดดันจากต้นฉบับเท่าไหร่ ถึงผมจะพยายามแสดงให้เหมือนต้นฉบับยังไง มันก็คงไม่ออกมาเหมือนอยู่ดี นักแสดงแตกต่างกัน รวมถึงภาษา และมุมมองของผู้กำกับ ผมได้ดูเวอร์ชั่นอังกฤษก่อน และความคิดแรกหลังจากได้ดูคือ ‘มันไร้ที่ติมาก’ ตั้งแต่การแสดงของคุณ Ben Whishaw ไปจนถึงเพลง มุมกล้อง สไตล์ ภาพรวมของโทน และอารมณ์ ทุกอย่างดึงดูผม ซีรีส์แนวนี้ส่วนใหญ่มักจะโฟกัสกับการตามหาอาชญากรตัวจริง แต่ซีรีส์เรื่องนี้เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเอกกับผู้คนรอบตัวเขา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ชายธรรมดาที่เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา และมุมมองของผู้คนรอบตัวเขาที่มีต่อเหตุการณ์ที่เขาต้องเจอ”

ที่มา  http://www.vogue.co.kr

แปลโดย  https://popcornfor2.com

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X