หลังจากซีรีส์เรื่อง The Uncanny Counter ออกอากาศตอนสุดท้ายไปแล้ว โจบยองกยู (Jo Byeong Gyu) หนึ่งในนักแสดงนำของเรื่อง ได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์กับ Edaily

โจบยองกยูกล่าวถึงความสำเร็จของซีรีส์ว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ร่วมงานกับ OCN และไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ OCN ผมรู้สึกปลาบปลื้มที่ซีรีส์ได้รับเรตติ้งสูง และรู้สึกดีที่ได้มาร่วมงานและสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกับทีมงานและนักแสดงที่ได้ร่วมงานทุกคนที่ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคตลาดการทำงานมาด้วยกัน คนรอบตัวผมทั้งเพื่อนและพ่อแม่ต่างชื่นชอบซีรีส์ ผมได้รับข้อความแสดงความยินดีมากมายที่ The Uncanny Counter สร้างสถิติเรตติ้งใหม่ให้กับช่อง OCN”

ซีรีส์เรื่องนี้ถือเป็นการก้าวขึ้นมารับบทนำครั้งแรกของโจบยองกยู เขาบอกว่า “เพราะว่ามันเป็นการรับบทนำครั้งแรก ผมเลยรู้สึกกดดันและคิดเยอะมากว่าผมจะกำจัดความกังวลนี้ออกไปได้อย่างไร” ชื่อเกาหลีของซีรีส์เรื่องนี้ แปลตรงตัวว่า ‘พลังวิเศษของโซมุน’ ซึ่งเป็นตัวละครที่โจบยองกยูรับบท เขาพูดถึงเรื่องนี้ว่า “การที่ชื่อตัวละครของผมได้เป็นชื่อเรื่อง ยิ่งทำให้ผมกดดัน ผมคิดว่าผมก้าวข้ามความกดดันมาได้เพราะผู้กำกับ, ทีมงาน และนักแสดงที่ผมร่วมงานทุกคน”

โจบยองกยูเล่าเรื่องที่เขาคิดว่ายากที่สุดระหว่างถ่ายทำ “ฉากที่ยากที่สุด ถือเป็นไฮไลท์ของเว็บตูน และเป้าหมายของซีรีส์เลยน่าจะเป็นฉากที่โซมุนได้กลับมาเจอพ่อแม่อีกครั้ง ผมกังวลมาก และเตรียมตัวมาอย่างดี ผมคิดว่าจะทำอย่างไรให้แสดงออกมาแล้วผู้ชมรู้สึกอินได้มากที่สุด”

เขาพูดถึงการเติบโตของตัวละครโซมุนว่า “ผมคิดว่าโซมุนไม่ควรจะสมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้น ผมเลยคิดว่าตอนแรกผมจะแสดงให้เขาเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อผ่านความผิดพลาดและบทลงโทษ การทำผิดซ้ำและการให้อภัย เขาได้เติบโตหลังจากได้รับการช่วยเหลือจากเคาน์เตอร์คนอื่น เป็นงานที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ผมต้องปรับอารมณ์ของการแสดงให้เหมือนกับคนที่ค่อยเย็บผ้าโดยใช้เข็ม”

หลังจากจบซีซั่นแรกไปแล้ว ผู้ชมจะได้กลิ่นอายของความโรแมนติกระหว่าง โซมุน และ โดฮานา (รับบทโดย คิมเซจอง (Kim Sejeong)) ทำให้หลายคนหวังว่าจะได้เห็นความหวานของคู่นี้มากขึ้นในภาค 2 โจบยองกยูได้ออกความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่า “การทำงานของเคาน์เตอร์คือการเสี่ยงชีวิต ผมคิดว่าเรื่องความรักน่าจะเป็นเรื่องยาก คือคุณอาจจะเห็นเรื่องราวความรักของกาโมทัก (รับบทโดย ยูจุนซัง (Yoo Joon Sang)) แต่ผมคิดว่าโซมุนในแบบที่เป็นตัวละครที่จะจัดการกับเหล่าปีศาจนั้นน่าสนใจมากกว่า ถ้าคิดตามหลักความเป็นจริงเลย ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของคู่นี้เป็นไปได้ยาก เพราะซีรีส์มุ่งเน้นย้ำในเรื่องการชำระจิตใจของมนุษย์ ผมเลยคิดว่าเรื่องน่าจะโฟกัสไปกับการไล่ล่าปีศาจ”
 

โจบยองกยู ได้พูดถึง The Uncanny Counter ที่ยืนยันว่าจะมีซีซั่น 2 ว่า “มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องการครับ ผมอยากให้ชื่อเรื่องเปลี่ยนจาก ‘Amazing Rumor’ เป็น ‘Amazing Counter'”

โจบยองกยูบอกว่าเขาไม่รู้รายละเอียดของซีซั่น 2 “ผมรู้จากข่าวเหมือนกันครับ และได้ยินมาว่าตอนนี้ทีมงานกำลังเตรียมงานกันอยู่ ส่วนของนักแสดงก็อยากให้มีซีซั่น 2 เพราะว่าเราอยากจะถ่ายทำกันต่อในฐานะเคาน์เตอร์ และอยากจะใช้เวลาที่มีความสุขในกองถ่ายกันอีก” เขาเพิ่มเติมว่า “ผมไม่รู้เลยว่าจะออกอากาศเมื่อไหร่ หรือมีกำหนดการยังไง”

ถ้ามีโอกาสได้มีพลังเคาน์เตอร์จริงๆ โจบยองกยูบอกว่าเขาอยากจะมีพลังย้อนเวลาได้ “หลังจากคุณใช้ชีวิตผ่านไป 1 วัน, 1 เดือน และ 1 ปี มันต้องมีช่วงที่คุณรู้สึกเสียดายเมื่อมองย้อนกลับไป ไม่มีจะใช้ชีวิต 1 วัน หรือ ผ่านไป 1 ชั่วโมง คุณอาจจะมีช่วงเวลาที่ได้มองย้อนกลับไป และเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง” เขาพูดต่อว่า “ผมหวังว่าเคาน์เตอร์จะได้พัฒนาพลังของพวกเขาเช่นกัน”

เมื่อไม่นานมานี้ โจบยองกยู ได้เข้าร่วมรายการ How Do You Play และ ยูแจซอก (Yoo Jae Suk) บอกว่าเขามีแววเป็นดาวรุ่งของวงการวาไรตี้ โจบยองกยูบอกว่าเขาชอบรายการวาไรตี้จริงๆ “พูดตามตรงเลยคือ ถึงแม้ผมจะเป็นนักแสดง แต่ตอนอยู่บ้านผมดูรายการวาไรตี้มากกว่าซีรีส์หรือภาพยนตร์อีกครับ ตอนที่ผมเป็นเด็ก พอกลับจากโรงเรียน ผมก็เปิดรายการวาไรตี้ดู”

เขาพูดต่อ “นี่เป็นความฝันที่เกิดขึ้นขณะที่ผมกำลังทำงานแสดง ถึงแม้ผมจะไม่ใช่คนที่สามารถทำให้ผู้ชมหัวเราะได้ แต่ผมฝันว่าอย่างน้อยสามารถทำให้ผู้ชมยิ้มได้ก็ยังดี นี่เป็นความฝันที่ 2 ของผมครับ ผมมีความฝันเมื่อได้เห็นคุณยูแจซอก และผมคิดว่าผมอยากจะไปอยู่ในรายการที่ได้แบ่งปันเสียงหัวเราะในแบบของผมเอง”

โจบยองกยู จะเริ่มถ่ายทำเรื่อง There’s an Alien Inside Here ในช่วงต้นเดือนหน้า เขาพูดถึงเรื่องนี้ว่า “หลังจากซีรีส์เรื่อง SKY Castle จบไป ผมอยากจะลองแสดงผลงานแนวใหม่” ภาพยนตร์เรื่องนี้ โจบยองกยูจะได้กลับมาร่วมงานกับ ผู้กำกับ ชเวอึนจง ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วในเว็บดราม่าเรื่อง Dokgo Rewind

โจบยองกยูบอกว่า “เว็บดราม่าใช้ทุนสร้าง 30 ล้านวอน (ประมาณ 810,000 บาท) และเราถ่ายทำกันแค่ 3 วัน ผมรู้สึกขอบคุณที่เรื่องนั้นทำให้เราได้ท้าทายตัวเอง ได้มอบความสุขและได้รับรางวัลจาก Watcha”

เขาปิดท้ายถึง The Uncanny Counter ว่า “ถึงแม้เวลาจะผ่านไป ผมก็จะมองย้อนกลับไป และคิดว่ามันเป็นโปรเจคที่เป็นกำลังใจให้ผมและทำให้ผมมีพลังอีกครั้ง”

ที่มา ( 1 ) ( 2 ) ( 3 )

แปลโดย  http://popcornfor2.com