อึ้ง นักฟิสิกส์ดังชี้"ดาวอังคาร"เคยเจริญ แต่ถูกทำลายจากอาณาจักรศิวิไลซ์ลึกลับเก่าแก่ โลกจ่อรายต่อไป"
2014-11-25 14:17:15
Advertisement
คลิก!!!

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ว่า นักฟิสิกส์ชื่อดังรายหนึ่ง ได้แสดงทฤษฎีชี้ว่า ดาวอังคารเคยเป็นดาวที่เต็มไปด้วยสิ่งที่มีชีวิตที่ฉลาด แต่ได้ถูกทำลายล้างจากอาณาจักรที่ศิวิไลซ์ ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้ดาวดวงนี้กลายเป็นดาวที่หนาวเย็นและไร้สิ่งมีชีวิต ขณะทีมนุษย์อาจกำลังกลายเป็นเป้าหมายรายต่อไปที่อาจจะถูกอาณาจักรดังกล่าว ทำลายล้าง หลังจากที่ดาวอังคารเคยเผชิญ

 

รายงานระบุว่า นายจอห์น แบรนเด็นเบิร์ก นักฟิสิกส์ชื่อดังที่ได้รับการยอมรับในวงการ ได้ออกหนังสือชื่อว่า"ความตายบนดาวอังคาร"ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า ความศิวิไลซ์ของดาวอังคารได้สูญสลายจากหายนะวิบัตที่เกิดจากน้ำมือของอาณาจักรที่ศิวิไลซ์ลึกลับ สังเกตได้จากการที่ดาวอังคารมีปล่องหลุมต่างๆ  บนพื้นผิว ซึ่งบางทีอาจมาจากการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และเหตุผลที่เราไม่เคยไดยินสัญญาณใดจากอาณาจักรศิวิไลซ์อื่นๆ บนอวกาศ นั่นเพราะสัญญาณเหล่านี้ได้ถูกกวาดล้างไปสิ้น และโลกอาจกำลังถูกอาณาจักรศิวิไลซ์ลึกลับที่เคยทำลายดาวอังคารจับตาอยู่ และอาจใช้พลังดังกล่าวทำลายล้างจนราบคาบได้

 

นายแบรนเด็นเบิร์กกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์อย่างนายเอ็ดเวิร์ด แฮร์ริสัน เคยบอกว่า ปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ได้ทำลายอาณาจักรศิวิไลซ์บนอวกาศก็คือ การที่อาณาจักรศิวิไลซ์เก่าแก่กว่าสามารถกวาดล้างอาณาจักรศิวิไลซ์ใหม่ได้ เมื่อพวกเขา"สามารถจับสัญญาณวิทยุ"จากอาณาจักรเหล่านี้ได้

 

โดยอาณาจักรเก่าแก่จำเป็นต้องทำลายล้างอาณาจักรใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันการเติบโตในห้วงจักรวาล และเป็นไปได้ว่า ในจักรวาลจะมีพลังงานที่เป็นศัตรูต่ออาณาจักรใหม่ที่เจริญและพลุกพล่าน เช่น โลกของเรา โดยพลังเหล่านี้นับรวมตั้งแต่เอเลี่ยน รวมทั้งเครื่องจักรสมองกลโหดเหี้ยม ที่มีความเกลียดชังต่อสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อ  และสิ่งอันตรายที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดก็คือ สิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกัน ขณะที่โลกจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่รอดจากการโจมตีจากสิ่งใดก็ตามที่ได้ทำลายดาวอังคารมาแล้ว

 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีนักฟิสิกส์จำนวนมากที่เชื่อว่า ดาวอังคารอาจถูกโจมตีด้วยอุกกาบาต ที่สามารถทะลุผ่านสนามแม่เหล็กและชั้นบรรยากาศ ขณะที่ทฤษฎีของนายแบรนเด็นเบิร์กถือว่าเป็นแนวคิดที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง

 

 

ที่มา  มติชนออนไลน์

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X