ศาลสิงคโปร์ตัดสินให้น้องธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ แพ้คดี หลังพลัดตกลงไปในรางรถไฟฟ้าขาขาด

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2557 เว็บไซต์สเตรทไทมส์ของสิงคโปร์ รายงานความคืบหน้าคดีน้องธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ เด็กไทยที่ขาขาดจากการถูกรถไฟฟ้าทับที่สิงคโปร์เมื่อ 2 ปีก่อนว่า ศาลสูงสุดสิงคโปร์ได้ตัดสินให้น้องธันย์แพ้คดี ระบุอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นความประมาทของตัวบุคคล ไม่ได้เกิดจากแรงดูดที่ทำให้เธอพลัดตกลงไปอย่างที่เธอกล่าวอ้าง

ทั้งนี้ สำหรับอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2554 น้องธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ ซึ่งมีอายุ 14 ปี และกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในตอนนั้น (ปัจจุบันอายุ 16 ปี) ได้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์ ต่อมาวันหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังจะโดยสารรถไฟฟ้าที่สถานีรถไฟฟ้าอั้งม้อเกี้ยว เธอก็เกิดพลัดตกลงไปในรางรถไฟฟ้าจนทำให้รถไฟฟ้าทับขาขาด

จากอุบัติเหตุในครั้งนั้น น้องธันย์เธอเปิดเผยว่า เธอไม่ได้เป็นลมแต่อย่างใด สติสัมปชัญญะเธอครบถ้วน และยืนอยู่หลังเส้นเหลืองซึ่งมีคนมายืนอยู่ด้วยประมาณ 20-30 คน แต่ระหว่างนั้นเองเธอก็รู้สึกเหมือนมีแรงฉุดทำให้เธอตกลงไปในรางทั้งที่เธอยืนอยู่ในจุดที่กำหนดไว้ ซึ่งจากการเปิดเผยดังกล่าว ทำให้ทางครอบครัวของน้องธันย์ตัดสินใจฟ้องบริษัทขนส่ง SMRT ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าในประเทศสิงคโปร์ เป็นเงินประมาณ 85 ล้านบาท แต่ทาง SMRT ไม่ยอม ยื่นค้านการจ่ายชดเชยให้น้องธันย์ ด้วยเหตุผลว่าน้องธันย์เป็นผู้ทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วยการกระทำของตนเอง โดยการไม่ให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง และไม่ระมัดระวังรถไฟที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ รวมถึงไม่มีการป้องกันตนที่เพียงพอ จนในที่สุด ศาลก็พิจารณาให้น้องธันย์แพ้คดี เพราะตรวจสอบแล้วว่าสถานีรถไฟฟ้ามีความปลอดภัยตามมาตรฐานในช่วงที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ดี หลังเกิดเหตุในช่วงนั้น ชาวสิงคโปร์ได้รวมเงินกันกว่า 6.5 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลน้องธันย์ซึ่งสูญเสียขาทั้งสองข้างไป และปัจจุบันเธอก็ใช้ชีวิตอยู่กับขาเทียมอย่างเข้มแข็ง