รำลึกครบ 37 ปี เหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2013-10-06 13:12:50
Advertisement
คลิก!!!

 

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ท่าพระจันทร์  จัดงานรำลึกครบรอบ 37 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ประชาชนทยอยเข้าร่วม

           ยัง จำกันได้ไหม ว่าวันนี้เมื่อ 37 ปีที่แล้วในอดีต (6 ตุลาคม 2519) ได้เกิดเหตุการณ์การเรียกร้องและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเมืองไทย โดยเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มสนับสนุน ได้เข้าไปล้อมจับกุมและสังหารนักศึกษา และประชาชน ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งกำลังชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่ให้จอมพลถนอม กิตติขจร ออกนอกประเทศ ทำให้มีผู้ที่บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายเป็นจำนวนมาก

           และวันนี้ (6 ตุลาคม 2519) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีพิธีร่วมรำลึกครบรอบ 37 ปี 6 ตุลา 2519 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยตั้งแต่ในช่วงเช้าวันนี้ (6 ตุลาคม 2556) ประชาชนต่างทยอยเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมภายในงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมพิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 19 รูป และพิธีวางพวงมาลา จากนั้นมีการกล่าวสดุดีวีรชน และประกาศเจตนารมณ์ของเครือข่ายเดือนตุลา ญาติวีรชน 6 ตุลาคม มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย หลังจากนั้นเป็นการกล่าวบทกวีรำลึกเหตุการณ์

           ทั้ง นี้ ยังมีการจัดกิจกรรมอื่นๆ อาทิ นิทรรศการแสดงความเป็นมาของเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 การจัดจำหน่ายหนังสือและเสื้อ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว

           อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายถึงค่ำ จะมีการจัดกิจกรรมบทกวี แสดงละคร ดนตรี และงิ้วธรรมศาสตร์ ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 
สำหรับกำหนดการ งานมีดังนี้

           07.00 น.-08.00 น. พิธีตักบาตรพระสงฆ์ 19 รูป ณ สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ : ธรรมศาสตร์ กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

           08.00 น.-09.30 น. อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กล่าวต้อนรับ ประธานคณะกรรมการ 14 ตุลาเพื่อประชาธิปไตยสมบูรณ์ กล่าวเปิดงานพิธีวางพวงมาลา ณ ประติมานุสรณ์ 6 ตุลาคม 2519 และ กล่าวสดุดี และประกาศเจตนารมณ์ โดยตัวแทนฝ่ายต่างๆ

           - ญาติวีรชน 6 ตุลา
           - อดีต 18 ผู้ต้องหา 6 ตุลาคม
           - เครือข่ายเดือนตุลา
           - มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย
           - สหภาพและสหพันธ์แรงงาน และตัวแทนองค์กรชาวนา

           09.30 น.-10.00 น. บทกวีรำลึกวีรชน 6 ตุลา

           10.00 น.-12.00 น. สหปาฐกถา ในโอกาส 37 ปี 6 ตุลา ส่งทอดอุดมการณ์จากรุ่นสู่รุ่น โดย วัฒน์ วรรลยางกูร เลขาธิการเครือข่ายเดือนตุลา และสุพัฒน์ อาษาศรี เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยงานภาคบ่ายและค่ำ ณ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

           15.00 น.-17.00 น. บทกวี สลับดนตรี ณ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์

           17.00 น.-18.00 น. ละคร ''ฟ้าจรดตีน'' โดยประกายไฟ

           18.00 น.-19.30 น. ลิเกกายกรรมเรื่อง “บัลลังก์เลือด” โดย มะขามป้อม

           19.30 น.-20.00 น. ดนตรีวงไฟเย็น

           20.00 น.-21.30 น. งิ้ว

 

ย้อนรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลา 19

6 ตุลาคม 2519

           เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 เกิดขึ้นหลังคนไทยแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย  ฝ่าย แรก (ฝ่ายซ้าย) คือกลุ่มที่สนับสนุนนิสิตนักศึกษาและต่อต้าน จอมพลประภาส จารุเสถียร และจอมพล ถนอม กิตติขจร และ ฝ่ายที่สอง (ฝ่ายขวา) คือ ฝ่ายที่ต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยกับนิสิตนักศึกษา เช่น พวกกลุ่มนวพล (ขบวนการฝ่ายขวาต่อต้านการปกครองแบบระบบคอมมิวนิสต์) กลุ่มกระทิงแดง (ขบวนการฝ่ายขวาที่มีบทบาททางการเมืองในประเทศไทยหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ก่อตั้งโดยกองบัญชาการรักษาความมั่นคงภายใน เพื่อปราบคอมมิวนิสต์) วิทยุยานเกราะ, ตำรวจตระเวนชายแดน, กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน

           ทั้ง นี้จากเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อวันที่ 14 ตุลา 2516 เป็นเหตุให้ จอมพลประภาส จารุเสถียร และจอมพลถนอม กิตติขจร ต้องลี้ภัยทางการเมืองออกนอกประเทศไป แต่แล้วในปี 2519 ในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช เหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองของไทยก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสการปฏิวัติของทหาร หลังมีข่าวว่า 2 จอมพลจะเดินทางกลับไทย

           และเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2519 จอมพลประภาส จารุเสถียร ได้เดินทางเข้าประเทศ ขณะที่ จอมพลถนอม กิตติขจร ได้เดินทางเข้าไทย ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2519 ทำให้กลุ่มนิสิตนักศึกษาและประชาชน ได้ลุกออกมาประท้วงขับไล่ จอมพลถนอม ออกนอกประเทศอีกครั้งหนึ่ง เป็นเหตุให้กลุ่มการเมืองฝ่ายขวา นำโดย พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ฉวยโอกาสก่อรัฐประหาร และทำการล้อมปราบนักศึกษาประชาชนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 หรือที่เรียกกันว่า 6 ตุลา 19 โดยได้ใช้กำลังปราบปรามนิสิต นักศึกษา อย่างรุนแรง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก จนนำไปสู่การยกเลิกรัฐธรรมนูญ ยุติการปกครองแบบประชาธิปไตยรัฐสภา และทำให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้เผด็จการทหารต่อมาเป็นเวลาปีเศษ



6 ตุลา


           ทั้งนี้เมื่อเช้ามืดวันที่ 6 ตุลา 19 เวลาประมาณ 02.00 น. กลุ่มกระทิงแดง ล้อมรอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตรียมปฏิบัติการโดยประสานงานกับตำรวจนอกเครื่องแบบ และมีกลุ่มกระทิงแดงเข้าแทรกตัวปะปนกับหมู่นิสิต นักศึกษา พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลจับกุมนิสิต นักศึกษา

           เวลาประมาณ 05.00 น. เริ่มมีการยิงจากภายนอกเข้าสู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยถูกล้อมไว้

           เวลาประมาณ 07.00 น. กลุ่มทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ลูกเสือชาวบ้าน กระทิงแดง และกลุ่มอันธพาล ได้ใช้รถบัสพุ่งชนประตูมหาวิทยาลัย ทั้งหมดเข้าสู่มหาวิทยาลัย และใช้อาวุธหนักระดมยิง ตำรวจหน่วยคอมมานโด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และตำรวจนครบาลจากท้องที่ต่าง ๆ เข้าถึงที่เกิดเหตุ

           เวลาประมาณ 08.00 น. ตำรวจตระเวนชายแดนพร้อมอาวุธครบมือเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมยิงกระสุนเข้าใส่นักศึกษา

           เวลา 08.30 น. - 10.00 น. นักศึกษาและประชาชนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิ่งหนีวิถีกระสุน บางคนวิ่งหนีออกทางประตูหน้ามหาวิทยาลัย บางส่วนหนีอออกทางแม่น้ำเจ้าพระยา หลายคนถูกรุมตี รุมกระทืบ บางคนที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บถูกนำไปแขวนคอ และถูกผู้คนแสดงท่าทางเยาะเย้ยศพ ขณะที่ศพนักศึกษาบางคนถูกลากเอาไปเผากลางถนนราชดำเนิน ตรงข้ามพระแม่ธรณีบีบมวยผม โดยใช้ยางรถยนต์ทับและราดด้วยน้ำมันเบนซิน บางส่วนใช้ของแข็งทำอนาจารศพนักศึกษาหญิง

           เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ และให้นักศึกษานอนคว่ำหน้ากับพื้นสนามฟุตบอล จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อควบคุมตัวไว้ที่โรงเรียนตำรวจนครบาล บางเขน กลุ่มคนที่มุงดูใช้ก้อนหิน อิฐ ไม้ ขว้างปาผู้ที่อยู่บนรถ

           เวลา ประมาณ 16.00 น. กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน ได้บุกเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยใช้รถบรรทุกที่ทำเป็นเวทีปราศรัยบุกพังประตูเข้าไป บางคนได้ถือเชือกเข้าไปโดยจะเข้าไปแขวนคอ 3 รัฐมนตรีของรัฐบาล ได้แก่ นายชวน หลีกภัย, นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ และนายสุรินทร์ มาศดิตถ์ เนื่องจากกล่าวหาว่าบุคคลทั้ง 3 เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ได้ลงไปพบและยืนยันว่า บุคคลทั้ง 3 ไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าว มีผู้ตะโกนถามว่า ท่านจะจัดการอย่างไร ม.ร.ว. เสนีย์ ตอบว่า ท่านจะบอกให้รัฐมนตรีทั้ง 3 ลาออกเองเพื่อความสงบของบ้านเมือง มีผู้ถามต่อไปว่า ถ้าบุคคลทั้ง 3 ไม่ลาออกจะทำอย่างไร ม.ร.ว. เสนีย์ตอบว่า ท่านจะลาออกเอง แต่ภายหลังข้อความนี้ได้ถูกวิทยุยานเกราะนำไปตัดต่อกลายเป็นข้อความว่า ท่านไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุคคลทั้ง 3 นี้เป็นคอมมิวนิสต์ และท่านจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

           ครั้นถึงเวลา 18.00 น. คณะทหารที่เรียกตัวเองว่า คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ภายใต้การนำของพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ได้ทำการยึดอำนาจการปกครอง มีผลให้ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ต้องพ้นจากตำแหน่ง และ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้ มีการพิจารณาคดีในศาลยืดยาวถึง 3 ปี จนมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ทำให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ ไม่ต้องถูกสอบสวนลงโทษแต่อย่างใด

           มา วันนี้เหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลา ได้ผ่านมา 34 ปี แล้ว แต่คนไทยก็ยังแตกแยกแบ่งเป็นฝ่ายเหมือนเดิม ต่างคิดว่าเหตุผลของฝ่ายตัวเองถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ . . . ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่ได้สอนอะไรให้คนไทยเราหรืออย่างไร? แล้วเรายังจะให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหล่านี้หรือเปล่า ถึงเวลาหรือยังที่เราจะจับมือ สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติ ...

 

 

 

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X