|
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ "อ็อกซ์แฟม"หน่วยงานต่อสู้กับความยากจน ได้ออกรายงานระบุว่า จำนวนของ "อภิมหาเศรษฐี" หรือบุคคลที่มีทรัพย์สินระดับพันล้านดอลลาร์ ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่านับตั้งแต่เริ่มเกิดช่วงวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2009 โดยบุคคลที่ร่ำรวยอยู่แล้วมีสภาพรวยยิ่งขึ้น ขณะที่บุคคลที่ยากจนที่มีจำนวนหลายร้อยล้านคนทั่วโลก ก็ยิ่งจนลง และต้องเผชิญกับสภาพ "กับดักความยากไร้" จากภาวะความไม่เท่าเทียมของโอกาสและรายได้ของโลกที่ไม่สามารถควบคุมได้
โดยรายงานนี้ระบุว่าจำนวนของอภิมหาเศรษฐีได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,646 คน นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2009 แสดงให้เห็นชัดว่า ประโยชน์ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่ได้ตกแก่ประชากรโลกโดยส่วนรวม นอกจากนี้ ยังพบว่า มีมหาเศรษฐี 85 รายที่รวยที่สุดของโลก มีความร่ำรวยเทียบเท่ากับรายได้ของประชากรโลกกว่าครึ่งรวมกัน
เมื่อปีที่แล้ว จากประเมินเฉลี่ยพบว่า มูลค่าความร่ำรวยของเหล่ามหาเศรษฐีได้เพิ่มขึ้นราววันละ 412 ล้านปอนด์ และประเมินว่า มีอภิมหาเศรษฐี 16 รายอยู่ในพื้นที่ตอนล่างของแอฟริกา ขณะที่ประชากรอีกกว่า 358 ล้านคนอยู่ในสภาพยากไร้
ด้านผู้บริหารอ็อกซ์แฟมระบุว่า ความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้นี้ เป็นหนึ่งในปัญหาของโลกยุคนี้ ซี่งมีประชากรหลายร้อยล้านคนต้องมีชีวิตอยู่โดยไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่ม และอาหารอย่างเพียงพอที่เลี้ยงครอบครัว ขณะที่คนอีกหยิบมือหนึ่ง กลับมีเงินใช้ได้ไปตลอดชีวิตพวกเขา และผลที่ตามมาถือเป็นปัญหาของทุกคน เพราะปัญหาความไม่เท่าเทียมกันนี้ จะทำให้เกิดอาชญากรรม การคอรัปชั่น และความขัดแย้งรุนแรง
ที่มา มติชนออนไลน์