|
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปเหตุการณ์ภายในร้านสะดวกซื้อ โดยเป็นภาพขณะที่พนักงานโดนผู้หญิงคนหนึ่งนำของสาดเข้าไปที่หน้า ซึ่งมีการแชร์ข้อความด้วยว่า อยากขอความเป็นธรรม ให้กับลูกสาว ที่โดนเอาโจ๊กร้อนที่เพิ่งออกจากเวฟมาสาดหน้า แค่เรื่องที่ลูกเราทำงานเก่งกว่า ทำยอดได้เยอะกว่า ทั้งที่ไม่เคยคุยกันเลย ยังทำได้ขนาดนี้ ลูกเราเป็นเยอะมากเค้ายังเด็กเกินไปที่จะมาโดนเรื่องร้ายๆ อย่างนี้ พอสาดแล้วยังโพสต์เฟซบุ๊กเยาะเย้ยอีก"
โดยเบื้องต้น ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้เสียหาย ซึ่งได้ระบุว่า ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มี.ค. เวลา 19.20 น. โดยผู้เสียหายเป็นหญิงอายุ 17 ปี ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.คูบางหลวง อยู่ในสภาพใบหน้าฝั่งซ้ายมีแผลพุพองจากน้ำร้อนลวก โดยทราบว่า ทั้งสองคนทำงานที่เดียวกัน ซึ่งผู้เสียหายเพิ่งทำงานได้ 2 สัปดาห์ ส่วนผู้ก่อเหตุทำงานมา 1 ปี แล้ว ปกติจะอยู่คนละกะกัน
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายให้การว่า ตนเองและผู้ก่อเหตุทำงานที่เดียวกันโดยตนเองเพิ่งเข้าทำงานได้เพียง 2 อาทิตย์ ส่วนผู้ก่อเหตุทำงานแห่งนี้มานานแล้วกว่า 1 ปี แต่คนละช่วงเวลาในวันเกิดเหตุตนเองเป็นพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เงิน จู่ ๆ ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาที่ร้านเซเว่นเพื่อเข้ามาเอาเสื้อผ้าและสิ่งของก่อนที่จะนำโจ๊กคัฟในน้ำแล้วนำเข้าเครื่องไมโครเวฟก่อนจะเดินมาที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินบอกให้ตนเองคิดเงิน กระทั่งทอนเงินเสร็จผู้ก่อเหตุจึงสาดโจ๊กคัฟจากถ้วยที่ร้อนๆใส่หน้า 2 ครั้ง ก่อนที่จะเดินออกไปหน้าประตูแล้วบอก “ว่ากูหมันไส้มึงจัง” ซึ่งเท่าที่กลุ่มเพื่อนคุยกันคือผู้ต้องหาไม่พอใจในเรื่องการขายของที่ตนเองมีความคล่องแคล่วและผู้ต้องหากำลังจะถูกย้ายตัวไปทำงานอีกสาขาหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามของถนน จึงเป็นไปได้ว่าผู้ก่อเหตุไม่ชอบตนที่ตนเองทำงานได้คล่องแคล่วและไม่เคยหยุดงานเลยส่วนผู้ต้องหาหยุดงานบ่อยจนถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิก็เป็นได้
ด้านพ.ต.อ.นที สิริวรวัชร์ ผกก.สภ.คูบางหลวง กล่าวเปิดเผยว่า ได้เรียกตัวหัวหน้างานเข้ามาให้ปากคำเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับการทำงานในสาขา ว่าเกิดปัญหากันอย่างไร ซึ่งทราบว่าผู้ต้องหาทำงานมานานแต่ถูกเปลี่ยนย้ายสาขาไปอยู่อีกที่หนึ่งเป็นสาขาคูบางหลวง หน้าแฟคคอม ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกัน เนื่องจาก ทราบว่าผู้เสียหายทำงานดี พูดจากับลูกค้าไพเราะตามกฏเกณฑ์ที่ทางบริษัทฯกำหนด จึงอาจเป็นสาเหตุให้ก่อเหตุขึ้น แต่อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนติดตามผู้ก่อเหตุมาสอบสวน เนื่องจากขณะนี้พบว่าหลบหนีไปไม่สามารถติดต่อไป โดยได้ประสานทางแม่และญาติขอให้ติดต่อมอบตัวเนื่องจากเป็นคดีทำร้ายร่างกายกันเท่านั้น
นางสมพร นวลย้อย อายุ 45ปี มารดาของ น.ส.จิดาภา จิตดี ผู้ต้องหาได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งมาทราบข่าวก็ตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญตัวจากบ้านพัก พร้อมกับเดินทางไปติดตามหาตัวบุตรสาว ซึ่งที่ผ่านมาบุตรสาวไม่เคยเป็นเด็กก้าวร้าวแต่ออกจากบ้านมาเพื่อหาเงินใช้จ่ายเพียงลำพังและพักอาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมงาน และนี่เป็นวันที่ 3 แล้วที่ไม่สามารถติดต่อกับลูกสาวได้และปิดโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองต้องขอโทษแทนลูกสาวและยอมที่จะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้กับคู่กรณีทั้งหมด และอยากให้ลูกสาวเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วพร้อมให้อภัย
ที่มา ข่าวสดออนไลน์