ปวดเชิงกรานมักมาคู่ไมเกรน (ไทยโพสต์)

          ผู้หญิงส่วนใหญ่มักป่วยเรื้อรังด้วย 2 อาการ คือ ปวดหัวข้างเดียวกับปวดกระดูกเชิงกราน ซึ่งงานวิจัยล่าสุดพบว่า อาการสองอย่างนี้อาจเกี่ยวเนื่องกัน โดยสตรีที่ปวดเชิงกรานเรื้อรังราว 7 ใน 10 คนมักมีอาการปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย ซึ่งนักวิจัยบอกว่า ต้องศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาทางพัฒนาการรักษาอาการทั้งสอง

          ทั้งนี้ อาการปวดเชิงกรานเรื้อรังมักทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บแถว ๆ ต้นขาและใต้หน้าท้อง เป็นเวลา 6 เดือน หรือนานกว่านั้น ผู้ป่วยที่ไปพบหมอด้านนรีเวชราว 10% มีอาการเหล่านี้ แม้หลายรายเกิดอาการจากการติดเชื้อ หรือเนื้องอกในมดลูก แต่บ่อยครั้งมักไม่ทราบสาเหตุ โดยสตรีวัยเจริญพันธุ์ราว 15-24% มีอาการนี้ ซึ่งเป็นสัดส่วนพอ ๆ กับคนเป็นไมเกรน ซึ่งมี 20% โดยคนที่เป็นไมเกรนมักปวดศีรษะข้างเดียว หรือปวดที่หน้าผาก บางรายคลื่นไส้และแพ้แสง

          ขณะที่นักวิจัยของสถาบันสุขภาพแห่งชาติในสหรัฐ ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างไมเกรน กับอาการปวดเชิงกรานเรื้อรังของผู้หญิง ทั้งที่เป็นและไม่เป็นโรคเยื่อบุมดลูกอักเสบ โดยผู้หญิงที่เข้าร่วมโครงการวิจัยมีอายุสูงสุด 46 ปี มีอาการเหล่านี้มานานประมาณ 10 ปี ผลวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ปวดเชิงกรานเรื้อรัง 67% มีอาการไมเกรน และอีก 8% มีอาการปวดหัว ซึ่งอาจเป็นไมเกรน ซึ่งนับเป็นอัตราที่สูงกว่าผู้หญิงทั่วไปถึง 3 เท่า ขณะที่คนที่เป็นและไม่เป็นโรคเยื่อบุมดลูกอักเสบ ผลการศึกษาไม่พบว่า มีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะเป็นไมเกรน

          โดย ศ.สตีเฟน ซิลเบอร์สไตน์ อดีตประธานสมาคมโรคปวดหัวอเมริกัน หัวหน้าทีมวิจัย บอกว่า ไมเกรนอาจเชื่อมโยงกับโรคปวดเชิงกรานเรื้อรัง มากกว่าที่จะเชื่อมโยงกับโรคเยื่อบุมดลูกอักเสบ โดยการศึกษาเพิ่มเติมจะช่วยให้เข้าใจและรักษาโรคไมเกรน เยื่อบุมดลูกอักเสบ และโรคปวดเชิงกรานเรื้อรังได้ดีขึ้น

          ด้าน ดร.นิโคลัส ซิลเวอร์ แห่งศูนย์ประสาทวิทยาและศัลยกรรมประสาทวอตัน ในเมืองลิเวอร์พูล บอกว่า ข้อค้นพบนี้สอดคล้องกับที่เราสงสัยมานาน คลินิกโรคไมเกรนของเรามักเจอคนไข้ที่บ่นว่าปวดตรงนั้นตรงนี้ เช่น คอ หลัง ท้อง ขา ซึ่งเมื่อรักษาไมเกรนแล้ว อาการปวดอื่น ๆ ก็มักหายไป


 

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม