ขอบคุณข้อมูลจาก : มติชนออนไลน์

จากรายงานของดิอินดิเพนเดนท์ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ได้ขึ้นปราศรัยที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในโอกลาโฮมา ในโอกาสเริ่มโครงการให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยยกตัวอย่างความสำเร็จทางการศึกษาของเกาหลีใต้ที่ให้ความสำคัญกับประกอบวิชาชีพครูเทียบเท่ากับหมอ

นายโอบามากล่าวในโอกาสเปิดตัวโครงการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่โรงเรียนมัธยมดูแรนท์ว่า”ในฐานะประธานาธิบดีแน่นอนว่าคุณจะได้เดินทางไปยังที่ต่างๆบ่อยครั้งแล้วคุณก็มีโอกาสได้ไปประเทศอย่างเกาหลีใต้ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงใช้ นอกจากนั้นพวกเขายังจ่ายค่าจ้างให้กับครูแบบเดียวกับที่จ่ายให้กับหมอ พวกเขามองว่าผู้ประกอบวิชาชีพด้านการศึกษาเป็นหนึ่งในวิชาชีพขั้นสูงสุด”

“เราอาจจะต้องเดินตามหลังประเทศเหล่านี้ในขณะที่เมื่อครั้งที่เราสร้างสิ่งของล้ำยุคเราไม่เคยนึกถึงพวกเขามาก่อน”นายโอบามากล่าวเสริม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายโอบามาให้ความชื่นชมระบบการศึกษาของเกาหลีใต้ ในปี 2010 เขาได้กล่าวชมระยะเวลาเรียนในแต่ละปีการศึกษาของเกาหลีใต้เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า “เราไม่อาจใช้ตารางเรียนที่ออกแบบมาตั้งแต่ยุคที่สหรัฐฯยังเป็นประเทศเกษตรกรรมที่พ่อแม่ต้องให้ลูกๆไปช่วยพรวนดินที่บ้านหลังเลิกเรียนได้อีก”

“ตารางเรียนแบบนั้นมันเหมาะสมกับยุคหนึ่งแต่วันนี้มันทำให้เราเสียเปรียบในการแข่งขันเด็กๆของเราใช้เวลาเรียนน้อยกว่าเด็กๆในเกาหลีใต้เป็นเดือน แบบนี้ไม่มีทางที่เราจะช่วยเตรียมตัวเด็กๆเพื่อต่อสู้ในเศรษฐกิจยุคศตวรรษที่ 21 ได้” นายโอบามากล่าว

ทั้งนี้จากการสำรวจของ ICEF องค์กรที่ติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงการศึกษาพบว่า นักเรียนจากเกาหลีใต้มักอยู่ในลำดับต้นๆของโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (PISA) ในการทดสอบด้านการอ่าน, คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

อย่างไรก็ดี รัฐบาลเกาหลีใต้กลับรู้สึกกังวลกับความเคร่งเครียดในการแข่งขันทางการศึกษาของเด็กๆ เนื่องจากเด็กจำนวนมากต้องเข้าเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน จนรัฐบาลต้องประกาศใช้กฎ “เคอร์ฟิว” กับโรงเรียนสอนพิเศษมิให้ทำการสอนหลังสี่ทุ่ม แต่นักรณรงค์บางส่วนเชื่อว่ายังมีเด็กๆที่ต้องเรียนพิเศษทางอินเตอร์เน็ตหลังเวลาดังกล่าว หรือพ่อแม่ของเด็กๆบางรายอาจจ้างครูไปสอนถึงบ้านแทน