นอกจากนี้ แนวคิดแบบเก่าของเจ้าหน้าที่ ที่มักรายงานผลกระทบจากปัญหาน้อยกว่าความเป็นจริงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของทางการ ก็อาจบ่งชี้ว่า คำเตือนเรื่องภัยแล้งของเกาหลีเหนือครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณอย่างจริงจัง ว่าประเทศกำลังต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ดีบรรดาผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า ความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจเกาหลีเหนือในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับการปฏิรูปด้านเกษตรกรรม ที่ยอมให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชได้หลากหลาย และเก็บผลผลิตที่ปลูกไว้ได้เองมากขึ้นนั้น ก็ทำให้มีการเพาะปลูกกันเพิ่มขึ้น และไม่น่าทำให้สถานการณ์การขาดแคลนอาหารครั้งนี้รุนแรงเท่ากับช่วงทศวรรษที่ 1990

ด้านโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ เตือนว่า ภาคเกษตรกรรมของเกาหลีเหนือยังคงพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก ดังนั้นหากผลผลิตที่จะมีการเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเกิดความเสียหาย ก็จะยิ่งทำให้ปัญหาการขาดสารอาหารในประเทศทวีความรุนแรง โดยเฉพาะในหมู่เด็กซึ่ง 1 ใน 3 มีภาวะขาดสารอาหาร

สาเหตุอีกประการหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนอาหาร ก็คือการที่เกาหลีเหนือซึ่งมีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ดำเนินนโยบาย “กองทัพมาก่อน” มาช้านาน ซึ่งนั่นทำให้การจัดสรรความช่วยเหลือส่วนใหญ่ตกอยู่กับกองทัพและตามเมืองใหญ่ๆ และแม้โครงการนิวเคลียร์จะทำให้เกาหลีเหนือถูกนานาชาติคว่ำบาตร แต่มันยิ่งกลับทำให้กลุ่มผู้บริจาคต่างชาติเล็งเห็นความรุนแรงของปัญหาและให้การช่วยเหลือด้านอาหารมากยิ่งขึ้น