คบหาดูใจกันมานานตั้งหลายปี แต่ยังไม่มีวี่แววจะเดินหน้าเข้าประตูวิวาห์สักที เอ๊ะ ! หรือเขาจะเข้ามาจริงใจแต่ไม่จริงจังกันนะ ว่าแล้วลองสังเกตพฤติกรรมของเขาด้วย 6 สัญญาณพร้อมสละโสดเหล่านี้ดูดีกว่า หากเขามีครบ (เกือบ) ทุกข้อ คุณก็เลิกกังวลใจไปได้เลย เพราะคุณไม่มีทางขึ้นคานแน่นอน แหม่ๆ ก็เขาคิดจริงจังเรื่องอนาคต อยากลงหลักปักฐานกับคุณซะขนาดนั้นนินา ...

1. เขาต้องการผูกสัมพันธ์กับพ่อแม่ของคุณ

หากเขาอยากใช้อนาคตร่วมกับคุณ ไม่เพียงแค่คุณเท่านั้นที่เขาต้องสนใจ และใส่ใจ แต่หมายรวมถึงพ่อแม่ของคุณด้วยเช่นกัน เขาจะคอยเอาอกเอาใจ ไปมาหาสู่ แวะเอาของไปเยี่ยมเยียน (ของโปรดของพ่อแม่คุณทั้งนั้น) และหมั่นถามถึงท่านจากคุณอยู่บ่อยๆ เลยล่ะ เขาจะจดจำได้อย่างดีว่า พ่อแม่ของคุณชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ชอบทานอะไร หรือชอบเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งถ้ามีเวลาเขาก็จะเป็นคนอาสาพาท่านทั้งสองไปเที่ยวเอง (แทนคุณซะงั้น) … แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะถ้าเขารักคุณจริง เขาก็ต้องรักพ่อแม่ของคุณด้วย และให้ความสนใจกับครอบครัวคุณเหมือนเป็นครอบครัวของเขาเองเลยจริงๆ อีกทั้งวิธีนี้ จะทำให้พ่อแม่ของคุณประทับใจกับความตั้งใจในตัวเขาได้ไม่ยาก แล้วคุณจะเห็นว่าเขาจริงใจ และจริงจังเรื่องอนาคตกับคุณมากแค่ไหน !

ทานข้าว สังสรรค์กับพ่อแม่ของคุณบ้าง ...

2. เขาอยากมีสัตว์เลี้ยงสักตัว

อยู่ๆ เขาก็เกิดอยากเลี้ยงสัตว์ขึ้นมา บางทีสัตว์เลี้ยงแก้เหงาอาจไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เขาต้องการสื่อให้คุณรู้ เพราะถ้ามองอีกมุมหนึ่ง สัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนลูกตัวน้อยๆ ที่เขาอาจอยากลองเลี้ยงกับคุณก่อนก็ได้ ว่ามันจะซุกซน น่ารักน่าชัง เลี้ยงยากสักแค่ไหนกัน หากมีลูกด้วยกันกับคุณจริงๆ แล้ว (ใครว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายคิดเยอะเสมอไป ผู้ชายก็คิดเยอะไม่ต่างกัน) มันเป็นอีกหนึ่งสเต็ปการชิมลางที่หลายคนอาจมองข้าม หากแต่เขาคิดว่า มันจะเป็นประสบการณ์ที่ดีก่อนคิดจะสร้างครอบครัว และเป็นการใช้เวลาดีๆ ร่วมกับคุณมากขึ้น เพราะสัตว์เลี้ยงจะทำให้เขาและคุณเห็นว่า มีส่วนไหนบ้างที่ต้องปรับแก้ให้ลงตัว, ความรับผิดชอบ-ภาระที่ต้องมีมากขึ้น และต้องมีการดูแลใส่ใจอย่างไร … การเป็นพ่อแม่จริงๆ มันเหนื่อยกว่านี้หลายเท่านักนะเออ

สัตว์เลี้ยงก็เปรียบเหมือนลูกตัวน้อยๆ ในอนาคต

3. เขาแชร์เรื่องเซนซิทีฟต่างๆ กับคุณ

คิดจะอยู่ด้วยกันไปตลอด ก็ต้องแชร์ทุกเรื่องด้วยความไว้ใจ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเซนซิทีฟสุดๆ ! ถ้าหนุ่มข้างกายคุณแชร์เรื่องที่อ่อนไหวสำหรับเขามากๆ โดยไม่เคยเล่าให้ใครรู้มาก่อน ยกเว้นคุณ นั่นอาจหมายถึงเขาเชื่อใจ ไว้ใจคุณมากที่สุด และคิดว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของเขาแล้ว เขาอยากเดินหน้าไปพร้อมๆ กับคุณนะ ไม่งั้นเขาคงไม่ยอมบอกเรื่องอ่อนไหวๆ ของเขาให้คุณรับรู้ และอาจมาทำร้ายเขาทีหลังได้หรอก รวมทั้งเขาอยากให้คุณรับรู้ในทุกๆ เรื่องของเขาอย่างไม่ปิดบังคุณไว้ ไม่ว่าจะเป็นเงินในบัญชีที่เขามีอยู่, รหัสเซฟล็อกอินต่างๆ, รหัสปลดล็อกโทรศัพท์ ไอแพต แล็ปท็อปต่างๆ หรือแม้กระทั่งรหัสบัตรเอทีเอ็มของเขาก็ตามที่คุณสามารถเช็กได้ตลอดเวลา เปิดเผยกับคุณซะขนาดนี้ อย่ามัวลังเลสงสัยอยู่เลย ถ้าเขาไม่จริงจังกับคุณจริงๆ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าไรแล้วล่ะ … จริงไหม ?!

แชร์ทุกๆ เรื่องราวด้วยกัน =)

4. เขาอยากซื้อบ้านด้วยกันกับคุณ

นั่นก็เพราะเขาอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณในอนาคตแล้วน่ะสิ หรือบางทีเขาแค่ออกความคิดเห็นการตกแต่งเกี่ยวกับบ้านของคุณ เช่นว่า ที่บ้านของคุณต้องเพิ่มเติม-ลดอะไรลงไปบ้าง หรือตกแต่งบ้านสไตล์ไหนถึงจะเวิร์ก นั่นก็อาจเป็นการบอกนัยๆ ถึงบ้านในฝันที่เขาอยากมีร่วมกันกับคุณโดยไม่รู้ตัวก็ได้ เชื่อเถอะว่า มันไม่ใช่การตัดสินใจเพียงชั่วครู่ และเขาต้องคิดเกี่ยวกับมันมานานเลยทีเดียว เพราะ "ผู้ชายคนหนึ่งจะตัดสินใจซื้อบ้านอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอด" มันไม่ใช่เรื่องง่าย และเรื่องเล่นๆ เลย ถ้าเขาจะซื้อบ้านกับคุณจริงๆ นั่นแสดงว่าเขาต้องมั่นใจในตัวคุณไม่น้อย คิดจะฝากทั้งชีวิตที่เหลือไว้กับคุณ และพร้อมหยุดอยู่ที่คุณเพียงคนเดียว เขาถึงกล้าเอ่ยปากบอกให้คุณรับรู้แบบนี้ !

5. เขาวางแผนไว้ล่วงหน้าถึง 6 เดือน

ถ้าเขาอยากจะทำอะไรกับคุณตั้งหลายอย่าง อยากใช้เวลาดีๆ ร่วมกับคุณ คิดกิจกรรมต่างๆ ที่ทำร่วมกับคุณ ถึงขนาดวางแผนไว้ล่วงหน้าถึง 6 เดือน แบบนี้เขาคิดว่าจะรักษาความสัมพันธ์กับคุณไปยาวๆ แน่ และดูท่าว่าเขาจะจริงจังกับคุณอยู่ไม่น้อย จากแพลนทัวร์วันหยุดยาวเดือนหน้า ไปถึงงานแต่งเพื่อนเขาอีก 3-4 เดือนข้างหน้า คิวกิจกรรมของคุณและเขายาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว และไม่ว่าคุณจะปฏิเสธยังไง เขาก็ยังขออ้อนวอนให้คุณไปเป็นเพื่อนเขาอยู่ดี ก็เพราะคุณเป็นผู้หญิงคนเดียวของเขานินา ไม่ไปกับคุณแล้วจะให้ไปกับใครล่ะ ถ้าเขาไม่รักคุณจริง เขาไม่วางแพลนล่วงหน้าไว้ก่อนตั้งครึ่งปี เพื่อขยับความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และคิดถึงช่วงเวลาที่ดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหรอกนะ …

วางแพลนกิจกรรมล่วงหน้าถึง 6 เดือน

6. เขาอยากให้พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายมาเจอกัน

เขาคิดจริงจังกับคุณเอามากๆ เลยนะ ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่อยากให้พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายมาเจอกัน ทำความรู้จัก พูดคุยเรื่องของคุณสองคนสานสัมพันธ์กันไว้หรอก มันถือเป็นสเต็ปใหญ่ของการปรองดองกันสองครอบครัว ซึ่งไม่เพียงเคมีคุณสองคนจะเข้าก๊าน เข้ากันแล้ว แต่พ่อแม่ของเขาและคุณจะต้องไฟเขียวด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถึงมันจะเป็นการพบกันที่น่างุ่มง่ามสำหรับการเจอกันครั้งแรก แต่เขาคิดว่ามันคงจะดีมากสำหรับต่อไปในอนาคตเลยล่ะ และถ้าการพบกันครั้งแรกผ่านไปด้วยดี ครั้งต่อๆ ไปก็คงจะไม่มีปัญหาอุปสรรคระหว่างสองครอบครัวให้ต้องขุ่นหมอง-กังวลใจกัน

มันเป็นสัญญาณบอกความสัมพันธ์ที่ดีนะ เพียงแต่คุณอาจต้องรับมือกับคำถามหยอกเย้าถึงความสัมพันธ์มากมายกันสักหน่อยล่ะ เช่นว่า คุณสองคนเจอกันได้ยังไง จูบครั้งแรกเมื่อไร หรือเดตครั้งแรกที่ไหน … แต่จะว่าไปมันก็แฮปปี้สุดๆ ไปเลย

ที่มา : womenshealthmag.com

ขอขอบคุณที่มา  ไทยรัฐออนไลน์