นอกจากอาหารไทยที่จะมีคุณค่ามากมายแล้ว ในส่วนของกรรมวิธีการปรุงก็แตกต่างกันไป อาหารไทยมีทั้งต้ม แกง ยำ ผัด นึ่ง ปิ้ง ย่าง เช่น แกงหรือยำมีทั้งที่ใส่และไม่ใส่กะทิ ส่วนต้มก็มีทั้งต้มจืดและรสเผ็ด ดังนั้น หากต้องการลดหรือควบคุมควรทานอาหารอย่าง แกงเลียง แกงส้ม แกงป่า ซึ่งจะให้พลังงานน้อยกว่าแกงที่ใส่กะทิ ส่วนยำก็ควรเป็นยำประเภทผักต่างๆ ที่ไม่ใส่กะทิ ซึ่งจะให้พลังงานน้อยกว่ายำประเภทเนื้อสัตว์ ส่วนอาหารประเภทต้มก็ควรเลือกที่มีไขมันต่ำ เช่น ต้มจืด ต้มส้ม ต้มโคล้ง ประเภทที่มีไขมันหรือกะทิสูง เช่น ต้มข่า ต้มกะทิต่างๆ หรือต้มยำที่มีการดัดแปลงใส่นมสดควรหลีกเลี่ยง

สำหรับอาหารประเภทปิ้ง ย่าง นึ่ง ซึ่งมักทำมาจากเนื้อสัตว์ ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย หรือ เลือกชนิดที่ใส่เนื้อสัตว์ประเภทปลา ซึ่งจะมีไขมันต่ำแต่ให้โปรตีนคุณภาพดี และย่อยง่าย นอกจากนั้นควรเลือกแหล่งโปรตีนที่มาจากพืช นั่นคือ โปรตีนจากถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง หรือถั่วอื่นๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากถั่วต่างๆ เช่น เต้าหู้เหลือง เต้าหู้ขาว หรือนมถั่วเหลือง เป็นต้น

จุดเด่นอีกอย่างของอาหารไทย คือ มีการ รับประทานผักและผลไม้มาก ทำให้มีใยอาหารหรือกากอาหารค่อนข้างสูง ยิ่งถ้ารับประทานข้าวซ้อมมือและถั่วด้วย ใยหรือกากอาหารก็จะสูงมากขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งอาหารที่มีเส้นใยสูงมักจะให้พลังงานต่ำ และทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนัก นอกจากนั้นใยและกากอาหารจะช่วยทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ลำไส้ได้ออกกำลัง และช่วยในการขับถ่าย ที่สำคัญจะดูดซับสิ่งที่เป็นพิษและเป็นอันตรายต่อลำไส้ เช่น แบคทีเรียและสารพิษ ทำให้ลดการระคายเคืองต่อเยื่อบุลำไส้ อีกทั้งอาหารที่มีกากมากมักจะมีเบต้า-แคโรทีนสูง มีวิตามินเอและวิตามินซีมาก ซึ่งสารอาหารเหล่านั้นจะช่วยปกป้องเยื่อบุทางเดินอาหารไม่ให้เป็นอันตราย และยังมีส่วนในการลดและป้องกันโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย

ดังนั้น ท่านที่คิดจะควบคุมน้ำหนักด้วยอาหารไทย หากมีความรู้เรื่องอาหารและโภชนาการพอสมควรก็จะช่วยให้สามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมกับตนเองได้ โดยไม่ต้องงดหรือหลีกเลี่ยงอาหารรสชาติไทยๆ ที่คุ้นปากคุ้นลิ้นหรือกินอยู่เป็นประจำทุกวันเลย เพียงแต่ให้รู้จักเลือกกินในปริมาณที่พออิ่มไม่มากเกินไป การควบคุมหรือลดน้ำหนักก็ไม่ยากเย็นอะไรเลยค่ะ

ที่มา  http://siamdara.com/