หมอโอ๊ค โอปอล์ เผยเส้นทางรัก พร้อมเคลียร์ชัด ประเด็นเกย์ ในที่นี่หมอชิต
2013-10-07 14:12:21
Advertisement
คลิก!!!

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          หมอโอ๊ค โอปอล์ พาเปิดเรือนหอ ในรายการที่นี่หมอชิต ฝ่ายชายเผยประทับใจว่าที่เจ้าสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงน้ำท่วม เพราะช่วยเหลือดูแลกัน บอกรักโอปอล์ในแบบที่เธอเป็น

          ได้ฤกษ์แต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับคู่รักคู่หวานอย่าง "หมอโอ๊ค โอปอล์" ที่จะจูงมือเข้าพิธีวิวาห์ในวันที่ 23 มีนาคม 2557 และจะจัดงานฉลองมงคลสมรสในวันที่ 6 เมษายน 2557 งานนี้เพื่อนดาราคงมาร่วมงานเกือบทั้งวงการบันเทิงเลยทีเดียว... ส่วนเส้นทางความรักของพวกเขาทั้งคู่ น้อยคนนักที่จะรู้ว่า... คนที่ต่างสุดขั้วอย่างทั้งสองคนมารักกันได้อย่างไร แล้วใครเป็นคนจีบใครก่อน ! วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์จากรายการที่นี่หมอชิต (6 ตุลาคม 2556) มาฝากกันค่ะ

          เริ่มต้นความหวานด้วยการเปิดเรือนหอของ หมอโอ๊ค โอปอล์ โดยหมอโอ๊คเผยว่า เขาอยากให้โอปอล์มาอยู่ด้วย เพราะอยากให้อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ แต่ทั้งนี้ก็มีการต่อเติมและปรับปรุงใหม่เกือบทั้งหมด มีสัดส่วนของเราอย่างชัดเจน ส่วนสิ่งที่พิเศษที่สร้างให้กับโอปอล์นั้นก็คือห้องของเขาแบบส่วนตัว พร้อมตู้เสื้อผ้าขนาดอลังการ เพราะโอปอล์เขาต้องย้ายจากครอบครัวของเขามาอยู่กับครอบครัวเรา มันเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน เลยอยากจะทำอะไรให้เขารู้สึกไม่เครียด และอยากให้เขามีมุมของตัวเองบ้าง

          เมื่อถามถึงเส้นทางความรักว่า..เริ่มต้นที่ใครก่อน สาวโอปอล์ปฏิเสธชัดเจนเลยว่า เปล่านะ ไม่ใช่ปอล์นะ ! ส่วนหมอโอ๊ค เผยว่า เขาและโอปอล์รู้จักกันมานานหลายปีแล้ว เพราะเมื่อก่อนโอปอล์เป็นพิธีกรตามงานอีเว้นท์ส่วนเขานั้นก็เป็นนักร้องก็จะได้เจอกันบ่อย ๆ ตามงาน ด้านโอปอล์ ก็กล่าวเสริมว่า เห็นหมอโอ๊คหลายครั้งและรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่นิ่งมาก เมื่อก่อนในกลุ่มก็จะมีอ๊อฟ มีพีท พวกนี้ก็จะวี้ดว้าย และก็แกล้งเธอด้วยการถามหมอโอ๊คเรื่องใบหน้าของเธอ ตอนนั้นเธออายุ 25 หมอโอ๊คบอกปอล์ว่าโครงหน้าเป็นผู้ใหญ่ และจะเป็นแบบนี้ไปตลอดจะดูไม่แก่ มันทำให้เธอตีความได้ว่า หน้าเธอตอนนี้แก่ และจะแก่แบบนี้ตลอดไปไม่เปลี่ยน (หัวเราะ) 

          ส่วนเรื่องราวที่ทำให้สนิทกันมากขึ้น ก็คงจะเป็นตอนที่โอปอล์ทำรายการท่องเที่ยวและต้องชวนเพื่อนไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเธอก็ชวนเพื่อนจนครบหมดแล้ว เลยชวนหมอโอ๊คไป เพราะตอนนั้นก็เริ่มสนิทกันเจอกันหลายครั้ง ครั้งแรกที่เราไปเที่ยวด้วยกันคือ หลวงพระบาง... ส่วนหมอโอ๊คบอกว่า ทริปนี้ที่ทำให้เริ่มรู้สึกสนใจโอปอล์มากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ คุณพ่อของเขาเคยเจอโอปอล์และบอกว่าโอปอล์น่ารักดี แถมแซวเขาว่าไม่คิดจะคุยกับคนนี้บ้างเหรอ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคบแต่สาว ๆ สไตล์คุณหนู และส่วนมากก็ไปด้วยกันไม่รอด พอคุณพ่อพูดตอนนั้นก็คิดไว้ในใจ และเริ่มสังเกตเขามากขึ้น

          หมอโอ๊ค เล่าต่อว่า หลังจากนั้นก็มองเขามาโดยตลอด และเริ่มสนิทมากขึ้นเข้าไปอีกเมื่อเจอปัญหาน้ำท่วมเมื่อปี 2554 โดยเราอยู่บ้านใกล้กันแถวแจ้งวัฒนะ ตอนนั้นเครียดมากเพราะต้องหาที่อยู่สำหรับคนหลายคน เลยคิดว่าต้องคุยกับคนที่ประสบปัญหาแบบเดียวกันและมีครอบครัวใหญ่เหมือนกัน คนแรกที่คิดถึงก็คือโอปอล์ ซึ่งโอปอล์ก็หาคอนโดให้อยู่ได้เป็นห้องใหญ่ อยู่คนละชั้นกับโอปอล์ ตอนนั้นเราก็สนิทกัน โทรหากันมากขึ้น และกลายเป็นโทรหากันทุกวัน...

          จากเหตุการณ์ตรงนั้น หมอโอ๊คก็เริ่มประทับใจโอปอล์ ความรู้สึกคิดถึงมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เราเจอกันทุกวัน วันไหนที่ไม่เจอมันก็รู้สึกเหงา เหมือนเขามาเติมสีสันให้ชีวิต เวลามีปัญหาอะไรโอปอล์ก็จะตอบได้หมด ส่วนโอปอล์บอกว่า หมอโอ๊คก็ให้คำปรึกษาในเรื่องที่เขาไม่รู้เหมือนกัน มันทำให้คุยได้เรื่อย ๆ เพราะไม่ได้คิดอะไรมากเกินไปกว่าพี่น้องกัน...

          "จุดที่เริ่มสังเกตเห็นมันเริ่มตรงที่เวลาปอล์ไปกินข้าวกับเพื่อน พี่โอ๊คก็จะมาด้วย หลายครั้งเพื่อนก็ถามว่า พี่โอ๊คมาทำไม บางครั้งเลิกงานห้าทุ่ม พี่โอ๊คก็จะโทรศัพท์คุยเป็นเพื่อนจนเราถึงคอนโดฯ จนกระทั่งเล่าเรื่องนี้ให้พี่อ้อม สุนิสา สุขบุญสังข์ ฟัง พี่อ้อมเขาบอกว่าพี่โอ๊คอ่ะคิดอะไรกับปอล์ แต่ปอล์ก็ยังไม่เชื่อ พี่อ้อมเลยบอกว่า ถ้าวันนี้ปอล์ชวนเขากินข้าวแล้วเขามาแปลว่าเขาคิด สรุปพี่โอ๊คก็มาจริง ๆ พี่อ้อมเลยบอกว่าเห็นไหมว่ามันต้องไม่ธรรมดา" โอปอล์ กล่าว

          แต่เรื่องราวแบบนี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าหมอโอ๊คคิดอะไรกับโอปอล์จริงหรือไม่ เธอเลยรอดูอีกทีตอนเคาท์ดาวน์ ซึ่งโอปอล์ไม่ได้ชวน แต่หมอโอ๊คมาร่วมเคาท์ดาวน์ด้วย มากับน้องสาว เพื่อน ๆ ก็เลยถามว่า... หมอโอ๊คมาในฐานะอะไร แต่ตอนนั้นโอปอล์ก็มีคนคุยด้วย แถมยังเอาเรื่องความรักและมารยาหญิงไปปรึกษาหมอโอ๊คหมด เลยทำให้หมอโอ๊ครู้ไต๋หมดเลย จากนั้นจะใช้มารยาอะไรคงไม่ได้ เพราะหมอโอ๊ครู้ทัน

          ด้านหมอโอ๊คกล่าวต่อว่า จริง ๆ แล้วเริ่มรู้สึกดี ๆ กับเขา เริ่มประทับใจในความมีน้ำใจ ความที่โอปอล์เป็นคนที่คิดถึง คนอื่นเสมอ ๆ อย่างเช่น เวลาเขาจะไปไหนมาไหน ไปทำงานอะไร เขาก็จะมองคบรอบข้างก่อน พี่โอเคไหม ทีมงานโอเคไหม แล้วค่อยมองที่ตัวเอง ส่วนผู้หญิงบางคนที่เคยเจอ ส่วนมากก็จะเป็นลูกคุณหนู บางคนดูน่ารักบอบบางแต่พอถึงเวลามันมีโมเม้นท์เอาตัวรอดสูง... บางคนก็รับในสภาพที่ตนมีชีวิตที่ น่าเบื่อแบบนี้ไม่ได้ เพราะตนเป็นหมอต้องตื่น 7 โมงเช้า ถึงเวลานอนก็ต้องนอน ทำให้ความรักแต่ละครั้ง ๆ ก็ต้องปิดตัวลงไป ถ้าไม่เรื่องชีวิตประจำวัน ก็เรื่องข่าว...

          ส่วนโอปอล์ เริ่มรู้ตัวว่าความสัมพันธ์มันมีอะไรที่มากกว่าพี่น้อง เลยลองมาถามตัวเองว่า ถ้าคบกันเราจะไปด้วยกันได้ไหม เพราะชีวิตและไลฟ์สไตล์ค่อนข้างต่างกันมาก แถมครอบครัวก็ยังต่างกัน อย่างครอบครัวพี่โอ๊คนั้นกินข้าวเป็นเวลา คุณพ่อคุณแม่และพี่ ๆ น้อง ๆ ของพี่โอ๊ค ทำงานด้านวิชาการหมดเลย ส่วนครอบครัวเธอนั้นก็จะเป็นอะไรที่สบาย ๆ ทุกวันนี้เธอยังนอนก่ายพ่อดูทีวีอยู่เลย เวลากินข้าวก็วางอาหารไว้บนโต๊ะ อยากกินกันเมื่อไรก็มาตักราด ๆ นั่งกินหน้าทีวี

          แต่ชีวิตรักของโอปอล์ที่ผ่านมา เธอเล่าให้ฟังว่า หลายคนมองว่าเธอสุดโต่งในทุก ๆ เรื่อง คาดหวังว่าเธอจะเปรี้ยว เธอจะห้าว ทำงานเสร็จจะต้องไปปาร์ตี้ได้ แต่จริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่ทุกครั้ง บางวันเธอก็ต้องให้เวลากับครอบครัว พาแม่ไปวัด เป็นพี่คนโตที่ต้องส่งเสียเลี้ยงดูน้อง โมเม้นท์แบบนี้หลายคนยังไม่เข้าใจ..

          เมื่อเริ่มรู้สึกว่าหัวใจอาจจะตรงกันทั้งคู่ แต่ฝ่ายโอปอล์ยังไม่ชัวร์เพราะยังไม่รู้ว่าหมอโอ๊คคิดกับเธอมากกว่าเพื่อนหรือน้องสาวจริง ๆ หรือเปล่า เนื่องจากฝ่ายชายไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์อย่างชัดเจน เลยนัดกันพูดคุยในวันวาเลนไทน์ ซึ่งหมอโอ๊คมารับเธอไปทานอาหารอิตาเลียนที่ร้านหรู และได้มอบของขวัญให้เป็นเซตชาร์ตแบตสารพัดขนาด (หัวเราะ) จากนั้นเธอก็เข้าเรื่อง โดยถามหมอโอ๊คว่า... "เราเป็นอะไรกันทำไมถึงมาอยู่กันแบบนี้" ด้านหมอโอ๊คก็ตอบว่า.. ก็เราคบกันไง ตกลงกันนะ สัญญากันนะ งานนี้สาวโอปอล์ถึงกับช็อก พร้อมบอกว่า อยู่ดี ๆ ก็มีแฟนเฉยเลย

          หลังจากนั้นเมื่อคบกันได้สักพัก คนอื่นก็เริ่มรู้ และก็มีประเด็นหลายประเด็นที่ถูกจับตามอง บ้างก็ว่าคบกันเพื่อผลประโยชน์ บางคนถึงกับคำนวณรายได้เลยนะว่าถ้าเรารับงานคู่กันแล้วต่างคนต่างจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าไร ส่วนบางคนก็เปรียบเทียบเรื่องหน้าตา เพราะหมอโอ๊คเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี งานนี้โอปอล์บอกว่า เรื่องคบกันเพราะผลประโยชน์ ตนยังมองไม่ออกเลยว่าเรามีผลประโยชน์ด้วยกันตรงไหน แล้วครอบครัวพี่โอ๊คก็เป็นครอบครัวที่มีฐานะอยู่แล้ว เราทั้งคู่ไม่จำเป็นที่จะต้องคบกัน เอาทั้งชีวิตมาอยู่ด้วยกันเพื่อเงิน ส่วนเรื่องสวยไม่สวยเนี่ย อย่าพยายามปกป้อง เพราะยิ่งปกป้องเหมือนยิ่งซ้ำเติม (หัวเราะ) ขณะที่หมอโอ๊คบอกว่า คนเราความชอบไม่เหมือนกัน อย่างโอปอล์เขาก็สวยแบบของเขา ด้านโอปอล์กล่าวเสริมว่า อยากให้พี่โอ๊คฉีดโบท็อกซ์ให้ แต่เขาไม่ยอมทำให้ เขาบอกว่าถ้าไม่มีกรามก็หน้าเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ สวยในแบบของเธอน่ะดีแล้ว

          ต่อกันที่ประเด็นเรื่อง "เกย์" ที่โดนพุ่งเป้าเรื่องนี้เป็นพิเศษ ซึ่งโอปอล์บอกว่า เธอรู้จักกับพี่โอ๊คตั้งนานแล้ว และเพื่อนของตนก็เป็นเกย์ทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวว่าพี่โอ๊คไปกับผู้ชายคนโน้นคนนี้ ไอ้ผู้ชายที่ว่าก็เพื่อนเธอทั้งนั้น แถมเพื่อนของเธอก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนหมดแล้ว แต่ที่ออกมาให้ข่าวหรือปฏิเสธไม่ได้เพราะจะไปกระทบกับเพื่อน ๆ ของเธอ และหากเราออกมาโต้ข่าวก็เหมือนกับจะมีข่าวให้คนเล่นไปเรื่อย ๆ แต่พอเราเงียบก็เหมือนยอมรับ และถ้าโอปอล์ออกมายืนยันเรื่องไม่ใช่เกย์ก็จะกลายเป็นว่าเราไปปกป้องเข้าไปอีก เลยเลือกที่จะเงียบอยู่เฉย ๆ ดีกว่า ข่าวบันเทิงก็คือเรื่องบันเทิงเฉย ๆ ไม่อยากเอามาคิดอะไรมาก 

          อย่างไรก็ตาม... ทั้งคู่ก็ไม่แคร์ว่าใครจะมองว่าเขาคบกันอย่างไร และพร้อมจูงมือเดินด้วยกันต่อไปกับสถานะใหม่ สามี-ภรรยา เร็ว ๆ นี้ ยังไงกระปุกดอทคอมก็ขออวยพรให้ว่าที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาว ล่วงหน้าละกันนะคะ อยากเห็นงานแต่งงานของทั้งคู่แล้ว อยากดูว่าที่จะเจ้าสาวจะสวยแซบขนาดไหน (อิอิ)

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X