เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ดนตรีที่เร้าใจ ประกอบกับจังหวะฝีเท้าที่เคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลง เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ช่วยให้หนังดูน่าสนใจขึ้นเป็นกอง จนกลายเป็นหนังทำเงินมานับต่อนับแล้ว ซึ่งแม้ว่าจะเป็นหนังที่เน้นลีลาการเต้นเหมือน ๆ กัน แต่ละเรื่องก็มีอรรถรสแตกต่างกันไป ตั้งแต่สไตล์การเต้นไปจนถึงเนื้อเรื่อง ทำให้หลาย ๆ คนมีเรื่องโปรดไม่เหมือนกันไปตามความชอบของตัวเอง

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสุดยอดหนังที่โชว์สเต็ปขั้นเทพที่ดึงดูดใจคนทั่วโลกได้ ไม่ว่าจะชอบแนวไหนด้วยเช่นกัน และวันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวม 10 สุดยอดภาพยนตร์โชว์สเต็ปแดนซ์ตลอดกาลจากเว็บไซต์ Men's XP ที่คอหนังแนวนี้ห้ามพลาดมาฝากกันแล้ว ลองมาดูสิว่ามีหนังเรื่องโปรดของคุณติดอันดับกับเขาบ้างหรือเปล่า

ภาพยนตร์ปี 1952 สุดคลาสสิกเรื่องนี้ เป็นตัวเปลี่ยนแปลงวงการภาพยนตร์จากหนังที่เน้นบทพูดให้กลายเป็นหนังที่มีสีสันด้วยเสียงเพลงอย่างแท้จริง โดยหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มนักแสดงที่ต้องเปลี่ยนหนังเงียบของตัวเองเป็นหนังเพลง จนจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนนักแสดงให้สมกับบทบาทและตกหลุมรักกันในเวลาต่อมาเรื่องนี้ มีเพลงประกอบอันขึ้นชื่ออย่าง Singin' In the Rain ที่ถูกนักร้องรุ่นใหม่เอามาคัฟเวอร์อยู่บ่อย ๆ แถมท่วงท่าการเต้นแท็ปแนวละครเพลงยังช่วยส่งให้มันกลายเป็นภาพยนตร์อมตะตลอดกาลอีกด้วย

แม้ว่ามันจะดัดแปลงมาจากนิทานชื่อเดียวกันของ คริสเตียน แอนเดอร์สัน ที่น่าจะเรียกว่าสยองขวัญมากกว่าน่ารักเหมือนนิทานพื้นบ้านเรื่องอื่น ๆ แต่หนังเรื่อง The Red Shoes ปี 1948 นี้ มีเนื้อเรื่องแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยบอกเล่าเรื่องราวของนักบัลเล่ต์สาวที่ต้องเลือกระหว่างคนรักที่เธอรักสุดหัวใจกับหน้าที่การงานของตัวเอง ซึ่งความสวยงามของการเต้นบัลเล่ต์จากเรื่องนี้ จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืมได้แน่นอน

ในช่วงปี 70 ที่เพลงแนวดิสโก้มาแรงสุด ๆ Saturday Night Fever ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อสะท้อนไลฟสไตล์ของผู้คนในช่วงนั้น ซึ่งจากการที่ซูเปอร์สตาร์มากความสามารถอย่าง จอห์น ทราโวลตา (John Travolta) มารับบทเป็นโทนี่ตัวเอกของเรื่องที่กำลังตามล่าความฝันของตัวเอง ช่วยให้มีสาว ๆ สนใจอยากดูพระเอกสุดฮอตคนนี้ขึ้นมาไม่น้อย แถมทั้งเพลงประกอบและลีลาการเต้นยังเหนือชั้นสุด ๆ อีกด้วย

ด้วยความที่เป็นหนังซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก หนังปี 1984 เรื่องนี้ จึงถูกเอามารีเมคสร้างใหม่อีกครั้งในปี 2011 แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถูกวิจารณ์อย่างหนัก จากการเป็นหนังที่เสียดสีเรื่องปัญหาต่าง ๆ เช่นการเมืองด้วยเช่นกัน ซึ่ง Footloose ว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ ที่การเต้นและร้องเพลงร็อคเป็นสิ่งต้องห้าม แต่เหล่าวัยรุ่นใจกล้าก็สวนกระแสด้วยการแสดงความรักในเสียงเพลงของพวกเขาอย่างเปิดเผย โดยเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากชุมชนเล็ก ๆ จากรัฐโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา ที่การร้องรำทำเพลงเป็นสิ่งต้องห้ามจริง ๆ ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับความเคร่งครัดทางศาสนา

หนังปี 2001 เรื่องนี้ นับได้ว่าเป็นเรื่องแรก ๆ ที่จับเอาความอ่อนช้อยของบัลเล่ต์ และเสน่ห์ความเข้มแข็งของฮิปฮอปมาผสมผสานเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่ง โธมัส คาร์เตอร์ (Thomas Carter) ผู้กำกับของเรื่องเคยกำกับหนังโชว์สเต็ปการแดนซ์มาก่อนหน้านี้แล้ว ในเรื่อง Swing Kids เมื่อปี 1993 นั่นเอง โดยมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสาวผิวขาวที่พบรักกับหนุ่มผิวสีคนหนึ่ง ด้วยความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทำให้คนรอบข้างขัดวางความรักของทั้งคู่ พวกเขาจึงต้องพยายามปรับเปลี่ยนเพื่อกันและกัน เป็นการพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นถึงความมั่นคง

ถ้าไม่แน่จริง Step Up คงไม่มีทางสร้างภาคต่อได้ถึง 4 ภาค และทำรายได้ถล่มทลายทั่วโลกแบบนี้แน่นอน ซึ่งใน Step Up นอกจากเราจะได้เห็นหนุ่มหล่อสาวสวยจนจุใจแล้ว คุณยังจะได้เห็นการเต้นครบถ้วนทุกรูปแบบอีกด้วย แถมตอนนี้มันยังมีโครงการจะสร้างภาค 5 รวมทั้งอาจดึงเอานักแสดงเก่า ๆ จากภาคก่อน เช่น แชนนิง เททัม (Channing Tatum) และ อดัมส์ จี เซวานิ (Adam G. Sevani) มาเอาใจสาว ๆ ให้ได้กรี๊ดกันอีกต่างหาก

7. Dirty Dancing

มันคือภาพยนตร์เรื่องแรกที่ขายโฮมวิดีโอได้มากทะลุล้านก๊อบปี้ อีกทั้งยังกวาดรางวัลมามากมายหลายสาขาอีกด้วย ซึ่งภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของหญิงสาวที่ตกหลุมรักครูสอนเต้นหนุ่มนี้ จะทำให้เราได้เห็นถึงศิลปะการผสมผสานการเต้นแบบคิวบาและแมมโบ้เข้าด้วยกัน รวมทั้งเคมีระหว่างพระนางคู่ฮอตยังช่วยให้หนังเรื่องนี้ยิ่งดูร้อนแรงขึ้นเป็นกอง และขอบอกข่าวดีไว้อีกด้วยว่าตอนนี้ Dirty Dancing อยู่ระหว่างสร้างเวอร์ชั่นรีเมคอยู่ ซึ่งนางเอกของเรื่องอาจเป็น ลีอา มิเชล (Lea Michele) สาวคนดังจากทีวีซีรีส์เรื่อง Glee

แค่ฉากเปิดเรื่องที่สาวสวย แคทเธอรีน ซีตา โจนส์ (Catherine Zeta-Jones) ร้องและเต้นเพลง All that Jazz ก็มากพอจะดึงความสนใจของคนดูให้ตาค้างไปตาม ๆ กันแล้ว เพราะทั้งเสียงและลีลาการเต้นของเธอนั้นโดดเด่นจนเป็นนักร้องได้สบาย ๆ นอกจากนี้เนื้อหาของเรื่องที่พยายามอุปมาอุปไมสื่อถึงอารมณ์ของตัวละครผ่านเสียงเพลง ยิ่งทำให้ Chicago เป็นหนังเพลงที่ควรค่าแก่การดูมากขึ้นไปอีก

แน่นอนว่านี่เป็นหนึ่งในหนังดราม่าเขย่าขวัญแห่งปีเลยก็ว่าได้ แต่นอกจากจะเป็นหนังจิตวิทยาที่ทำให้คนดูต้องคอยคิดตาม จนรู้สึกเครียดและกดดันตามนางเอกไปด้วยแล้ว มันยังมีท่วงท่าการเต้นอันสวยงามจนยากจะละเลยได้อีกด้วย มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่สาวสวยอย่าง นาตาลี พอร์ตแมน (Natelie Portman) จะได้รางวัลออสการ์ไปครองจากภาพยนตร์เรื่องนี้

จริงอยู่ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เน้นการเต้นเหมือนเรื่องอื่น ๆ แต่แค่ฉากการเต้นบอลรูม ก็มากพอจะทำให้มันติดโผอย่างง่ายดายแล้ว โดยเฉพาะกับการที่ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence) ซึ่งยอมรับว่าตัวเองเต้นไม่เก่งเอาซะเลยพยายามได้ขนาดนี้ อีกทั้งยังเต้นคู่กับหนุ่มหล่อ แบรดลีย์ คูเปอร์ (Bradley Cooper) ทำให้มันเป็นฉากการเต้นที่สวยงามมากเลยทีเดียว

เป็นไงบ้างคะ มีหนังเรื่องโปรดของคุณติดอันดับที่เรารวบรวมมาฝากบ้างหรือเปล่า? และมีหนังดี ๆ เรื่องไหนที่คุณพลาดไปโดยไม่รู้ตัวบ้างไหม? ถ้ามีล่ะก็ อย่าลืมไปลองหามาดูกันนะคะ จะได้ชื่อว่าเป็นคอหนังแนวแดนซ์ตัวจริงที่ดูเรื่องเด็ด ๆ มาครบแล้วอย่างไรล่ะ