บทสัมภาษณ์ รีเบคคา ฮอลล์ พูดถึงบทมายา ฮันเซ่น, เอ็กซ์ตรีมมิสต์ และถ่านไฟเก่า ใน Iron Man 3
2013-05-01 19:43:52
Advertisement
คลิก!!!

 

บทสัมภาษณ์ที่สามของหนัง Iron Man 3 ที่วอลท์ ดิสนี่ย์ ประเทศไทย ส่งมาให้เราเป็นบทสัมภาษณ์ของรีเบคคา ฮอลล์ นักแสดงสาวผู้มาสวมบทเป็นมายา ฮันเซ่น หนึ่งในตัวละครสำคัญของหนังครับ เป็นตัวละครที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านพฤษศาสตร์และพันธุกรรม ที่สร้างเทคโนโลยีเอ็กซ์ตรีมมิสต์ขึ้นมา ตัวละครนี้ยังเป็นอดีตแฟนสาวของโทนี่ สตาร์ก สมัยที่ยังเรียนอยู่ที่ MIT ด้วยกันตั้งแต่ปี 1999 ครับ การมาของเธอไม่เพียงเกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลแผนการร้ายของตัวร้ายในหนัง แต่อาจยังทำให้เพพเพอร์ พ็อตต์ หวั่นใจด้วย

รีเบคคา ฮอลล์ เป็นนักแสดงคุณภาพคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด โด่งดังจากหนังฟอร์มเล็กเป็นส่วนใหญ่ครับ โดยเฉพาะจาก Vicky Cristina Barcelona หนังปี 2008 ของวู้ดดี้ อัลเลน ที่ทำให้เธอเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ นอกจากนี้ก็ยังมีผลงานจาก The Town ของเบน แอฟเฟล็ค, The Awakenning และ The Prestige ผลงานในอนาคตของเธอที่เราจะได้ชมกันก็คือหนังไซไฟเขย่าขวัญ Transcendence ที่เธอจะประกบกับจอห์นนี่ เดปป์ ออกฉายปี 2014 ครับ

คลิกอ่านบทวิจารณ์ได้ที่ด้านใน

Q: ช่วยแนะนำตัวละครคุณหน่อย เธอมีบทบาทอย่างไรกับเรื่องราวบ้าง

A: ฉันรับบทมายา ฮันเซน นักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดอย่างเหลือเชื่อ เธอเป็นคนพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากๆ ขึ้นมา ซึ่งเทคโนโลยีที่ว่าก็เป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเรื่องราวค่ะ เธอมาเกี่ยวข้องกับโลกของไอรอน แมนก็เพราะเธอเคยพบกับโทนี สตาร์คเมื่อนานมาแล้วตอนที่เธอเป็นนักศึกษาที่ M.I.T. และได้รับทุนให้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับสายงานบางอย่างที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญค่ะ

Q: คุณได้รู้จักโลกของมาร์เวล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอรอน แมน ตั้งแต่ตอนไหน

A: ครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักหนังมาร์เวลและทุกอย่างที่พวกเขาทำคือ “Iron Man” ภาคแรกค่ะ ฉันจำได้ว่าตัวเองคิดว่า “โห มีทั้งโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, กวินเนธ พัลโทรว์, จอน แฟฟโร น่าสนใจจัง เกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย” ฉันไปดูหนังภาคแรกโดยไม่คาดหวังอะไรเลย และไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับไอรอน แมน การ์ตูนเรื่องนี้หรือเรื่องอะไรเลย แต่ฉันก็สนุกมาก ฉันชอบหนังเรื่องนั้นค่ะ

Q: แล้วการได้เป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ยิ่งใหญ่แบบนี้ ที่ตอนนี้ดำเนินมาถึงภาคที่สามแล้วให้ความรู้สึกยังไงบ้าง

A: มันเป็นเรื่องน่าสนใจจริงๆ ค่ะที่ได้มีส่วนร่วมกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินและมีภาพมากมายที่ทุกคนรู้จักและกลายเป็นสิ่งที่ปรากฏชัดเจนทางวัฒนธรรมไปแล้ว ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เดินเข้าไปในกองถ่าย ได้เห็นชุดเกราะ ได้เห็นมือที่ส่องสว่าง ได้เห็นว่าทุกอย่างทำงานยังไง มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นจริงๆ ค่ะ

Q: คุณช่วยพูดถึงเอ็กซ์ตรีมมิสต์และเทคโนโลยีที่ถูกใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อย

A: เอ็กซ์ตรีมมิสต์เป็นสูตรที่มายา ฮันเซน ตัวละครของฉันพัฒนาขึ้นมา ซึ่งมันจะเป็นการจัดระเบียบรหัสสายพันธุ์ของคุณใหม่เพื่อที่คุณจะสามารถทำให้ร่างกายของคุณเติบโตใหม่ในแบบที่คุณต้องการให้เป็น เพื่อที่คุณจะได้กลายเป็นยอดมนุษย์ได้ แต่มันก็มาพร้อมกับปัญหาเหมือนกันค่ะ

Q: คุณคิดว่าเรื่องราวนี้จะยังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงรึเปล่า

A: นี่เป็นหนังแฟนตาซีค่ะ มันจะต้องมีเรื่องน่าอัศจรรย์ ที่โอเวอร์สุดขอบ มันไม่ได้มีพื้นฐานบนความจริงหรอกค่ะ แต่แน่นอนว่ามันก็มีองค์ประกอบหลายอย่างที่เป็นความจริง มีคนสวมเสื้อแล็บเดินไปมา เพื่อพัฒนาสูตรและการปรับเปลี่ยนพันธุกรรม อะไรทำนองนั้น มันมีองค์ประกอบบางอย่างที่ตรงไปตรงมา แต่ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่พัฒนาอะไรที่เหมือนกับเอ็กซ์ตรีมมิสต์ขึ้นมาได้ ดังนั้น มันก็เป็นเรื่องแฟนตาซีค่ะ

Q: แล้วการร่วมงานกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์เป็นยังไงบ้าง คุณคิดว่าตัวละคร โทนี สตาร์ค มีอะไรที่ดึงดูดใจผู้ชมบ้าง

A: ฉันชอบการได้ทำงานร่วมกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ค่ะ เขาเป็นคนที่น่ายกย่องจริงๆ และการร่วมงานกับเขาก็ทำให้ฉันตื่นเต้นมากๆ เพราะเขาเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้เลย เขารู้จักตัวละครตัวนี้ รู้จักโทนี สตาร์คอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาเข้าใจตัวผู้ชายคนนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉันคิดว่าสิ่งที่มีเสน่ห์และวิเศษสุดเกี่ยวกับโทนี สตาร์คและสิ่งที่โรเบิร์ตทำเพื่อสร้างมันขึ้นมาคือไหวพริบที่เฉียบคมของเขาค่ะ เขาเป็นคนตลกมากและเขาก็แสดงความเฉลียวฉลาดออกมาทางไหวพริบของเขา และนั่นก็เป็นดาวนีย์ จูเนียร์ล้วนๆ ค่ะ ไม่ใช่อย่างอื่น เป็นตัวเขาเองเท่านั้น เขาเป็นคนมีไหวพริบแบบนั้นเลย ดังนั้น ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่ได้ร่วมงานกับเขาเพราะคุณต้องการจะให้สิ่งที่ดีพอๆ กับสิ่งที่คุณได้รับมา ซึ่งก็คือความท้าทายและความสนุกสนานค่ะ

Q: การถ่ายทำฉากแฟลชแบ็คตอนที่มายาพบกับโทนีเป็นยังไงบ้าง

A: ฉากแฟลชแบ็คที่มายากับโทนีพบกันคือวันก่อนขึ้นปีใหม่ปี 1999 ระหว่างการประชุมวิทยาศาสตร์ มายา ฮันเซน, โทนี สตาร์คและแฮปปี้ โฮแกนไปลงเอยอยู่ในห้องโรงแรมของมายา ซึ่งเป็นฉากที่ตลกมากๆ เราสนุกมากกับการถ่ายทำฉากนี้เพราะในบทมันตลกก็จริง แต่พวกเราสามคนก็เริ่มหยอดมุขเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ และเราก็ได้มุขมากมายจากฉากตรงนั้นค่ะ

แล้วการได้แสดงในฉากที่อยู่ในปี 1999 ก็เป็นอะไรที่สนุกมากด้วยค่ะ คุณอาจจะคิดว่า “อ๋อ มันไม่นานเท่าไหร่นี่ มันจะเก่าได้ขนาดไหนกันเชียว” แต่คุณก็จะตระหนักว่า ทรงผมในยุคนั้นเฉพาะเจาะจงมากๆ และมันก็มีเรื่องทางวัฒนธรรมบางอย่างที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ เช่นการที่จอน แฟฟโรแต่งตัวเหมือนจอห์น ทราโวลตาใน “Pulp Fiction” มันเยี่ยมไปเลยค่ะ

Q: แล้วความสัมพันธ์ระหว่างคิลเลียนและมายา และบทบาทที่ความสัมพันธ์นั้นมีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ล่ะ

A: คิลเลียนเป็นคนค้นพบมายาเพราะเธอเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชีวะเคมีที่ฉลาดที่สุดและเก่งที่สุดในโลก เธอก็เลยได้รับการว่าจ้างจากเขา ถึงตอนนี้ เธอก็กำลังอยู่ระหว่างการสร้างในสิ่งที่เธอคิดว่าจะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติเพราะมันจะช่วยรักษาโรคทุกชนิดของมนุษย์ได้ แต่เธอก็ขาดเงินทุนที่จะทำมันให้สำเร็จ เธอก็เลยขายมันให้กับผู้ที่ให้ราคาสูงสุด ซึ่งก็คือคิลเลียน และเขาก็เป็นคนสนับสนุนงานวิจัยของเธอค่ะ

Q: การร่วมงานกับกาย เพียร์ซเป็นยังไงบ้าง

A: กาย เพียร์ซเป็นนักแสดงที่วิเศษสุดค่ะ เขาเป็นคนที่ฉันทึ่งและชื่นชมเสมอ ฉันรู้จักเขามาได้พักหนึ่งแล้ว ฉันตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้ทำงานร่วมกับเขาในหนังเรื่องนี้ และเขาก็เป็นคนเก่งค่ะ

Q: อดีตของมายากับโทนี สตาร์คส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเป็ปเปอร์อย่างไรบ้าง

A: สิ่งที่ฉันชื่นชอบเกี่ยวกับเนื้อเรื่องนี้คือทุกคนจะคิดไปเองว่า “นี่จะต้องเป็นเหมือนรักสามเส้า จะต้องมีการตบตีกันระหว่างเป็ปเปอร์และมายาแน่ๆ” แต่มันไม่เกิดขึ้นค่ะ แต่พวกเธอทำในสิ่งที่แฟรนไชส์ “Iron Man” ทำเกือบตลอด ซึ่งก็คือการทำในสิ่งที่ผิดจากความคาดหวัง และทำให้มันกลายเป็นเรื่องของผู้หญิงที่ฉลาดมากๆ สองคน ที่เข้าใจในตัวโทนี สตาร์ค ที่เป็นคนค่อนข้างพิลึก มันมีสายสัมพันธ์เกิดขึ้นระหว่างพวกเธอเพราะเรื่องนั้น และพวกเธอก็ตลกมากค่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่คุณคาดหวังเลย ซึ่งฉันคิดว่ามันสมจริงมากกว่าและบอกตรงๆ ว่ามันเป็นเรื่องแปลกใหม่ทีเดียวค่ะ

Q: แล้วการได้มาสวมบทผู้หญิงที่ทรงพลังแบบนี้และได้มีส่วนช่วยส่งเสริมเนื้อเรื่องที่ทรงพลังพวกนั้นให้ความรู้สึกอย่างไรบ้าง

A: มันไม่มีอะไรต้องสงสัยเลยค่ะ ฉันรู้สึกสนุกจริงๆ ที่ได้รับบทคนที่ฉลาดกว่าฉัน ฉันได้พยายามเกลี้ยกล่อมคนทั้งโลกว่าฉันอาจจะฉลาดแบบนั้น จริงๆ ก็ไม่ใช่หรอกนะคะ แต่อย่าบอกใครเชียวล่ะ

Q: การทำงานร่วมกับกวินเนธล่ะ

A: กวินเนธ พัลโทรว์เป็นคนเก่งค่ะ ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่ฉลาด ตลกและมีพรสวรรค์จริงๆ และฉันก็ชื่นชอบการได้ร่วมงานกับเธอมากๆ เธอทำให้การทำงานง่ายขึ้นและเราก็เข้ากันได้ดี มันก็เลยเป็นเรื่องสนุกค่ะ

Q: อะไรคือสิ่งที่เจ๋งที่สุดของชุดเกราะไอรอน แมน

A: ในความคิดของฉัน สิ่งที่เจ๋งที่สุดของชุดเกราะไอรอน แมนคือรองเท้าค่ะ คุณจะไม่ค่อยได้เห็นมันบ่อยนักหรอก แต่มันเป็นเหมือนรองเท้าพาวเวอร์ที่เหลือเชื่อเลยล่ะค่ะ

แต่ฉันคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับชุดเกราะนี้น่าจะเป็นมือที่ส่องแสงได้และการได้เห็นดวงตาส่องแสง เพราะฉันคิดเอาเองด้วยความไม่รู้ประสาเรื่องหนัง ว่าคุณจะทำทั้งหมดนั่นในขั้นตอนโพสต์ แต่จริงๆ แล้ว มันส่องแสงในฉากด้วย ซึ่งมันก็น่าตื่นเต้นทีเดียวค่ะ

Q: คุณคิดว่าโทนี สตาร์คมีอะไรที่ทำให้เขาเป็นคนที่เข้าถึงได้

A: โทนี สตาร์คเป็นคนมีเสน่ห์และมีคุณสมบัติทุกอย่างของวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ เขาอยู่ระดับแถวหน้า เขาเป็นคนรวย ฉลาด และมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย แต่เขาก็มีความเป็นมนุษย์และมีจุดอ่อนด้วย การที่คุณสามารถทำให้ใครซักคน ที่โดยเนื้อแท้แล้วไม่ใช่คนที่น่าจะเข้าถึงได้ง่ายๆ กลายเป็นคนที่น่าเห็นใจ อบอุ่นและมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อจนคุณอยากจะเป็นเพื่อนซี้เขา คือสิ่งนั้น และนั่นก็คือผลลัพธ์ค่ะ

Q: มีฉากหรือซีเควนซ์ไหนที่คุณตื่นเต้นที่จะได้ดูเป็นพิเศษรึเปล่า

A: มีหลายฉากที่ฉันตื่นเต้นที่จะได้ดูค่ะ แต่ฉันคิดว่าฉากแฟลชแบ็คเป็นฉากที่สนุกเป็นพิเศษ ฉันตั้งตารอที่จะได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นในปี 1999 ว่ามันจะดูเป็นยังไงบ้างเมื่อทุกอย่างประกอบเข้าด้วยกัน และดูว่าเราจะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกโหยหายุค 90s ออกมาได้รึเปล่าน่ะค่ะ

 

http://jediyuth.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X