"เจสัน บิ๊กส์" ดูดนมเมียล้อเลียนแม่ให้นมลูกบนปก TIME

หลังจากที่นิตยสาร TIME ชื่อดังสร้างประเด็นโต้เถียงระดับโลกทั้งการเมือง, ประวัติศาสตร์ และเหล่าคนดังที่ต่างออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับหน้าปกแม่ยืนให้นมลูก ล่าสุด "เจสัน บิ๊กส์" นักแสดงดังจาก American Pie ขอเรียกกระแสบ้างดูดดนมภรรยาสาวโชว์เสียเลย

หน้าปกนิตยสาร TIME เล่มล่าสุด เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างมากทีเดียวเมื่อปรากฏภาพของแม่ยืนให้นมลูกชายวัย 3 ปี จนกลายเป็นประเด็นระดับโลก ทางด้านนักแสดงดัง เจสัน บิ๊กส์ จึงเกาะกระแสพา เจนนี มอลเลน ภรรยาสาวมาเปิดอกโชว์ดูดหน้าอกล้อเลียน ก่อนจะโพสท์ภาพดังกล่าวแชร์ลงในทวิตเตอร์

โดยในภาพเจสัน บิ๊กส์ คุกเข่าบนเก้าอี้พร้อมดูดหน้าอกภรรยาขณะที่ภรรยาของเขาเองก็วางมือไว้บนเอว โพสท์ท่าเช่นเดียวกับเจมี ลินน์ กรูเมต์ บนหน้าปกนิตยสาร TIME

โดยเขาขึ้นภาพในทวิตเตอร์พร้อมข้อความใต้ภาพว่า "คุณเป็นเมียพอหรือยัง?" ซึ่งเป็นข้อความล้อเลียนบนหน้าปก TIME ที่เขียถามในลักษณะเดียวกันว่า "คุณเป็นแม่พอหรือยัง?"

นับได้ว่าเจสัน ไม่ใช่คนดังรายแรกที่ใช้ทวิตเตอร์ไปในทางร้ายกาจแสดงความเห็นเกี่ยวกับหน้าปกนิตยสารเล่มนี้ ทางนักแสดงสาว อลิสซา มิลาโน ที่เคยเป็นกระบอกเสียงเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของเธอก็เขียนความรู้สึกลงในทวิตเตอร์เช่นเดียวกัน "@TIMEไม่นะ! คุณทำผิดจากเป้าหมายมาก คุณควรจะทำให้มันง่ายขึ้นกว่านี้สำหรับคนที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หน้าปกของคุณมันเห็นแก่ได้และแรงเกินไป"

ทางด้านนางแบบสาว โจแอนน์ ครูปา แสดงความเห็นว่า "ให้นมลูกวัย 3 ขวบมันผิด! เกิดอะไรขึ้นกับคนไปหมดแล้วเนี่ย!"

อย่างไรก็ตาม เมอิม เบียลิค อดีตนักแสดงสาวจาก Blossom และ The Big Bang Theory ก็แสดงความเห็นแบบขัดแย้งในตัวว่าแม้เธอจะไม่เห็นด้วยกับภาพถ่ายดังกล่าวแต่กับเรื่องราวของ กรูเมต์ ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีเช่นกัน

"ฉันตื่นเต้นกับเรื่องราวของเธอมากเลย เธอให้ความรู้และมีคารมคมคายชั้นยอดในการตอบโต้ ฉันคงจะไม่ถ่ายรูปตนเองแบบนั้นแน่ แต่ฉันก็เคารพการกระทำของเธอนะ ฉันคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่งเลยล่ะ"

แม้ว่าจะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมายถึงการให้นมลูกชาย แต่ทางกรูเมต์เองก็ยืนยันว่าเธอไม่คิดว่าการที่เธอให้นมลูกชายวัย 3 ปีที่กำลังย่างเข้า 4 ปีในอีกไม่นานนี้เป็นเรื่องผิด

โดยเธอกล่าวกับนิตยสาร TIME ว่า "มีคนที่ขู่ฉันว่าจะแจ้งสังคมสงเคราะห์ กล่าวหาว่า นี่คือ การล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ฉันคงจะไม่สามารถอธิบายอะไรกับคนแบบนั้นได้ ... แต่คนต้องเข้าใจว่านี่คือวิธีทางธรรมชาติ อาจจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาทางสังคม ก็ได้แต่หวังว่ามันจะได้รับการยอมรับในวัฒนธรรมของเรามากขึ้น"

ข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th