|
สำหรับการตลาดออนไลน์ยุคใหม่ สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการทำคอนเทนต์เผยแพร่ให้ถูกใจและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากที่สุด อย่างไรก็ดี คอนเทนต์ที่เราเห็นกันปัจจุบันค่อนข้างหลากหลาย ทำให้นักการตลาดหลายคนสงสัยว่าแท้จริงแล้วคอนเทนต์คืออะไรและมีกี่ประเภทกันแน่?
คอนเทนต์ (Content) คือ เนื้อหาหรือข้อมูลใด ๆ ที่ถูกทำขึ้นและมีการเผยแพร่สู่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของข้อความ รูปภาพ วิดีโอ เสียง หรือสื่ออื่น ๆ โดยคอนเทนต์มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารและการตลาดในปัจจุบัน เพราะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจ สร้างการรับรู้ และโน้มน้าวใจผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมายให้เกิดการมีส่วนร่วมและอยากปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี ในส่วนของคำถามว่าคอนเทนต์มีกี่ประเภท เราขอสรุปง่าย ๆ ว่าแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลักดังนี้
1. คอนเทนต์ประเภทข้อความ (Text Content)
คอนเทนต์ประเภทข้อความเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งพบเห็นได้ทั้งในรูปแบบบทความ บล็อก รีวิว คู่มือ How-to อีเมล จดหมายข่าว เป็นต้น โดยข้อดีของคอนเทนต์ประเภทนี้ก็คือนักทำคอนเทนต์จะพื้นที่ในกาสื่อสารข้อมูลอย่างละเอียด ครบถ้วน และเข้าใจง่ายมากกว่าประเภทอื่น ๆ ที่สำคัญยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล เป็นต้น
2. คอนเทนต์ประเภทรูปภาพ (Visual Content)
คอนเทนต์ประเภทรูปภาพเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย กราฟิก อินโฟกราฟิก วิดีโอ หรือแม้แต่อีโมจิ โดยคอนเทนต์ประเภทนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เอารูปภาพหรือภาพเคลื่อนไหวมาใช้ในการสื่อสาร แต่นักทำคอนเทนต์ยังสามารถใส่เนื้อหา ตัวหนังสือ จัดวางในองค์ประกอบที่เหมาะสม ก็จะช่วยดึงดูดความสนใจ และทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกอยากมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์มากขึ้นได้
3. คอนเทนต์ประเภทวิดีโอ (Video Content)
ไม่ว่าคอนเทนต์จะมีกี่ประเภท ก็ขาดประเภทนี้ไม่ได้ คือคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ ดังจะเห็นได้จากแพลตฟอร์มวิดีโอทั้ง YouTube และ TikTok ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยการทำคอนเทนต์วิดีโอนั้น สามารถทำเนื้อหาได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอสอนทำอาหาร วิดีโอรีวิวสินค้า วิดีโอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น เพียงลำดับการเล่าเรื่องให้ดี นำเสนอภาพเคลื่อนไหวที่สวยงามตามที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ พร้อมโปรโมตผ่านช่องทางต่าง ๆ ก็จะช่วยให้คอนเทนต์ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นได้
4. คอนเทนต์ประเภทเสียง (Audio Content)
คอนเทนต์ประเภทนี้จะเหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ชอบฟังมากกว่าอ่าน โดยอาจอยู่ในรูปแบบพอดแคสต์ วิทยุ เสียงบรรยาย เป็นต้น ทั้งนี้ นักทำคอนเทนต์เพียงต้องนำเสนอเนื้อหาที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ อัดเสียงให้ชัดเจนและน่าฟัง ที่สำคัญต้องไม่ลืมทำรูปปกและตั้งชื่อคอนเทนต์ให้น่าดึงดูด ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำคอนเทนต์เสิร์ฟกลุ่มเป้าหมายที่ให้ผลลัพธ์ดีได้
5. คอนเทนต์ประเภทที่ให้ผู้ชมมีส่วนร่วม (Interactive Content)
ผู้ชมสมัยนี้นิยมการสื่อสาร 2 ทางมากขึ้น ทำให้คอนเทนต์ประเภท Interactive Content หรือคอนเทนต์ประเภทให้ผู้ชมมีส่วนร่วมได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยนักการตลาดอาจเลือกนำเสนอด้วยการทำเกมปริศนา คำถามตอบ เกมชิงรางวัล หรือถามความคิดเห็น ก็จะช่วยให้ผู้ชมรู้สึกสนใจและอยากมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้นได้
จะเห็นได้เลยว่าไม่ว่าคอนเทนต์จะมีกี่ประเภทก็แล้วแต่ แต่ละประเภทล้วนมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป เหล่าครีเอเตอร์เพียงให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และสอดคล้องกับช่องการการสื่อสารที่เลือกใช้ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้การทำคอนเทนต์ได้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว
เครดิตภาพ freepik