สัญญาทาส เรื่องจริงอันน่าเศร้าในวงการ k-pop
2023-06-26 09:32:22
Advertisement
คลิก!!!

จากที่แบคฮยอน, เฉิน และซิ่วหมิน EXO ได้ออกมาเผยถึง “สัญญาทาส” กับ SM เรื่องจริงอันน่ากลัวของวงการ k-pop ก็เป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง

 

ในอุตสาหกรรม K-pop "สัญญาทาส" หมายถึงสัญญาระยะยาวระหว่างไอดอลและต้นสังกัดที่ไม่ยุติธรรมกับตัวไอดอลเอง ปกติแล้วสัญญาพิเศษควรจะมีอายุ 6-7 ปี แต่บางบริษัทไม่สนใจเรื่องนี้และต่อสัญญาอย่างไม่สมเหตุสมผล

 

เรื่องจริงที่น่าเศร้าของ “สัญญาทาส” ในวงการ k-pop

ในปี 2009 ผู้คนเริ่มตระหนักรู้ในเรื่องเกี่ยวกับ “สัญญาทาส” หลังจากอดีตสมาชิกวง TVXQ (DBSK) 3 คนอย่างคิมจุนซู, คิมแจจุงและพัคยูชอนยื่นฟ้อง SM Entertainment ซึ่งเป็นต้นสังกัดของพวกเขาในตอนนั้นเพราะระยะสัญญาที่ยาวนานเกินไปและการแบ่งรายได้ที่ไม่เป็นธรรม

 

จากที่สมาชิกทั้ง 3 คนได้เผย ระยะเวลาสัญญา 13 ปีของพวกเขาถือเป็นสัญญาผูกมัดตลอดชีวิต รวมระยะเวลาที่ต้องไปเข้ากรมสัญญาก็จะต่อไปเป็น 15 ปี ดังนั้นสัญญาจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อพวกเขาเกษียณ นอกจากนี้บทลงโทษในการยกเลิกสัญญาพิเศษยังทำให้ศิลปินเสียเปรียบมาก

 

แม้ความขัดแย้งนี้จะกินเวลาอย่างยาวนาน แต่สุดท้ายศาลก็เข้าข้างอดีตสมาชิก TVXQ ยังคงเป็นความจริงที่ว่าคิมจุนซู, คิมแจจุงและพัคยูชอนได้รับผลกระทบด้านลบในช่วงที่กำลังดัง เพราะข้อพิพาททางกฎหมายที่ยังคงดำเนินการอยู่ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำงานได้ แต่ชัยชนะของทั้ง 3 ได้เปลี่ยนอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีเพราะมีกฎหมายใหม่เกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องศิลปินจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม

 

ปี 2010 Korea Fair Trade Commission (KFTC) ได้ออกกฎหมายใหม่ โดยให้ศิลปินเซ็นสัญญาสูงสุดได้แค่ 7 ปีเท่านั้น และปี 2017 KFTC ยังได้เพิ่มข้อกำหนดให้ลดค่าชดเชยที่ศิลปินจ่ายในกรณีที่ยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด

 

แต่ถึงแม้จะมีกฎหมายใหม่เหล่านี้ขึ้นมา แต่ข้อพิพาทระหว่างไอดอลกับต้นสังกัดยังคงเกิดขึ้นในวงการ k-pop ข้อพิพาทส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขสัญญาและการแบ่งผลกำไรระหว่างศิลปินและต้นสังกัด

 

ปี 2022 สมาชิก 9 คนของวง LOONA ได้ขอระงับสัญญาพิเศษกับ Blockberry Creative เพราะเงื่อนไขที่ไม่ยุติธรรม แต่ มีสมาชิกเพียง 4 คนได้แก่ ฮีจิน, คิมลิป, จินโซลและชเวรี่ที่ชนะการฟ้องร้องครั้งแรก ทำให้พวกเธอสามารถยกเลิกสัญญาและทำงานได้อย่างอิสระ

 

ในขณะเดียวกัน สมาชิกที่เหลืออีก 5 คนได้แก่ฮาซึล, ยอจิน, อีฟ, โอลิเวีย ฮเยและโกวอนถูกยกเลิกคำร้องและยังต้องทำงานภายใต้ Blockberry Creative ต่อไป สถานการณ์นี้เสี่ยงต่อการถูกยุบวงและเหล่าแฟนคลับต่างก็ผิดหวังมาก

 

อีกข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างนักร้อง-นักแสดงอีซึงกิกับอดีตต้นสังกัด HOOK Entertainment ความขัดแย้งนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกโดย Dispatch หลังจากได้หลักฐานจากอีซึงกิ โดย HOOK Entertainment ปิดบังผลกำไรทั้งหมดจากงานเพลงของอีซึงกิตลอด 18 ปี

 

ยิ่งไปกว่านั้น CEO ของ HOOK อย่างควอนจินยองยังทำร้ายและขู่ฆ่าอีซึงกิ จนสุดท้ายอีซึงกิตัดสินใจยกเลิกสัญญา

 

เมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกวง EXO อย่างแบคฮยอน, ซิ่วหมิน และเฉินจู่ ๆ ก็ออกมาฟ้องร้องเพื่อยกเลิกสัญญากับ SM แม้ EXO จะใกล้คัมแบ็คแล้วก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ SM ต้องเผชิญกับข้อพิพาทเรื่องสัญญากับศิลปิน

 

ตามที่ตัวแทนทางกฎหมายของแบคฮยอน, ซิ่วหมินและเฉินเผยว่าหลังจากลงนามในสัญญาเอกสิทธิ์เป็นเวลา 12-13 ปีในฐานะสมาชิก EXO บริษัทขอขยายสัญญาเป็น 17-18 ปี โดยใช้การบังคับที่ไม่มีเหตุผล นอกจากนี้ ในระหว่างทำงานภายใต้ SM ศิลปินจะได้รับเงินจากข้อมูลที่จัดทำโดยบริษัทฝ่ายเดียว แม้ศิลปินจะทำสำเนาขอรายงานการจ่ายเงินที่โปร่งใสไปหลายครั้ง แต่บริษัทยังคงยืนยันที่จะไม่ให้ข้อมูล

 

ทนายอีแจฮัก ตัวแทนทางกฎหมายของแบคฮยอน, ซิ่วหมินและเฉินได้เน้นข้อความที่ไม่สมเหตุสมผลที่กล่าวในสัญญาเฉพาะของ SM ตามข้อกำหนด บริษัทจะกำหนดการออกอัลบั้มเท่าที่จำเป็นในระหว่างที่สิลปินยังคงทำงานอยู่ภายใต้สังกัด หากไม่บรรลุเป้าหมายการปล่อยอัลบั้ม สัญญาเอกสิทธิ์กับศิลปินจะยืดออกไปโดยอัตโนมัติจนกว่าเป้าหมายจะสำเร็จ

 

การยืดสัญญาออกไปทันทีโดยไม่จำกัดระยะเวลาสูงสุดคือการการแสวงหาประโยชน์ของ "สัญญาทาส"

 

SM Entertainment อ้างว่าสมาชิกทั้ง 3 คนขอเลิกสัญญาอยู่ฝ่ายเดียวเนื่องจากอิทธิพลของ "คนนอก" ต้นสังกัดยังเน้นว่าเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดคือการปกป้อง EXO และแฟน ๆ ดังนั้นพวกเขาจะดำเนินการเพื่อต่อต้านข่าวลือที่ไม่มีมูลซึ่งสร้างความแตกแยกและส่งผลกระทบต่อความเป็นหนึ่งของวง

 

แต่แฟนคลับส่วนใหญ่โกรธและผิดหวังกับการดูแลศิลปินของ SM แทนที่จะสนับสนุนการยกเลิกสัญญาของศิลปิน

 

เคารพในความเป็นธรรม

ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าการผันตัวจากเด็กฝึกไปเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงนั้นเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อพิพาทเพราะมีการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์มากมาย ดังนั้นเงื่อนไขในสัญญาเฉพาะสำหรับศิลปินจึงจำเป็นต้องปรับปรุง

 

ตามที่นักวิจารณ์ด้านวัฒนธรรมอย่างจองด็อกฮยอนเผยกับ Yonhap News ว่าในช่วงที่เด็กฝึกจะเตรียมตัวเดบิวท์เป็นไอดอล พวกเขาอาจยอมรับสัญญาระยะยาว 12-13 ปีเพราะพวกเขายังต้องพึ่งพาต้นสังกัด

 

แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ศิลปินมีชื่อเสียงและฐานแฟนที่แน่นเช่นเดียวกับกรณีของ EXO การยกเลิกสัญญาหรือการออกจากต้นสังกัดไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออาชีพหรือชื่อเสียงของพวกเขาในปัจจุบัน กลับกัน การเสีย "ศิลปินดัง" จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งภาพลักษณ์และชื่อเสียงในอุตสาหกรรมบันเทิง k-pop ที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน

 

นักวิจารณ์สรุปว่า "ความยุติธรรมในเรื่องธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ ความสำเร็จของศิลปินควรได้รับการตอบแทนอย่างยุติธรรม หากไม่มีการแก้ไขสัญญาเงื่อนไขนี้ พวกเขาคงแก้ไขสถานการณ์ด้วยการออกจากบริษัทและทำงานเดี่ยว”

 

ที่จริงแล้ว ศิลปินและต้นสังกัดควรมีความสัมพันธ์แบบ symbiotic เพราะต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากกันและกัน ความสำเร็จเกิดจากการไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน สิ่งนี้เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของ BTS

 

ความโดดเด่นของวงนี้ไม่เพียงเพราะความสามารถและเสน่ห์ของสมาชิกแต่ละคนเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งมา Big Hit Entertainment ต้นสังกัดที่คอยสนับสนุน BTS มาตลอด 13 ปีไปจนถึงอนาคตนี้

 

ที่มา  Zing

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X