|
ในโลกของการออกแบบ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำจัดเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยให้นักออกแบบสร้างงานที่สมบูรณ์แบบได้ แน่นอนว่า วงการศัลยกรรมก็มี Golden Ratio ที่ใช้ในการวัดสัดส่วนเพื่อหารูปหน้าที่สมบูรณ์แบบเช่นเดียว สัดส่วนทองคำนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาในชื่อ Golden Mask โดยศัลยแพทย์พลาสติกชาวอเมริกันชื่อดังอย่างหมอสตีเฟน มาร์ควอร์ต (Stephen Marquardt)
ถึงแม้ว่า ในปัจจุบันนี้สัดส่วนดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนไปบ้างตามยุคสมัย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในวงการศัลยกรรมก็ยังคงมีสัดส่วน “รูปหน้าสวย” ที่ให้คุณหมอหลายท่านเลือกปรับใช้กับคนไข้ และในวันนี้ หากใครสนใจอยากเริ่มศัลยกรรมหรือฉีด Filler เข้าคางต้องฟังให้ดี เพราะเราจะพาคุณไปสำรวจวิธีการวัดสัดส่วนหน้าคุณง่าย ๆ เพื่อดูว่า คางเจ้าปัญหาของคุณต้องใช้การแก้ไขแบบไหนระหว่างศัลยกรรมราคาแพงหรือการฉีด Filler คางที่ราคาถูกลงมา
สำรวจหน้าเบื้องต้นก่อนไปหาหมอ
หากคุณกำลังมีปัญหากับรูปร่างของคางและไม่มั่นใจว่าจะไปลงมีดหมอเพื่อเสริมคางหรือฉีด Filler คางแบบราคาแพง เราอยากให้คุณหันมาส่องกระจกแล้วหาคนวาดหน้าของเราลงไปในกระจกเพื่อประเมินว่าจริง ๆ แล้วเราควรทำแบบไหน โดยคัมภีร์ Golden Mask ที่เรานำมาเสนอวันนี้จะช่วยให้คุณสามารถวัดหน้าได้ง่ายกว่าการเทียบสัดส่วน Golden Ratio แลสัดส่วนที่ใช้ในวันนี้จะเป็น 1:1:1 หรือ เมื่อวัดความยาวจาก “หน้าผากถึงหว่างคิ้ว” “หว่างคิ้วถึงจมูก” และ “ปลายจมูกถึงคาง” จะต้องมีความยาวเท่ากันทุกส่วน
ฉีด Filler คาง VS เสริมคาง เลือกแบบไหนดี?
หากเมื่อวัดสัดส่วนแล้วแบ่งออกเป็น 3 ส่วนแล้ว
ข้อควรระวังในการเลือก
การฉีด Filler ด้วยสารไฮยาลูโรนิค แอซิดเข้าคางเป็นการเพิ่มความยาวและปรับทรงของคางได้ตามต้องการ ในการฉีด Filler คางนั้นจะมีราคาแตกต่างกันออกไปตามสถานพยาบาล หากเลือกหมอและคลินิกราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะส่งผลให้คางดูไม่เป็นธรรมชาติ และเวลายิ้มสารต่าง ๆ ก็อาจมากองเป็นก้อนกลมอยู่ที่คาง
จริงอยู่ว่า การฉีด Filler คางนั้นมีราคาถูกกว่าการเสริม แต่หากคางคุณสั้นเกินไป การเลือกเสริมคางด้วยการใส่ซิลิโคนเข้าคางตัวเองก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะการเสริมเช่นนี้จะทำให้คุณมีรูปหน้าที่ต้องการได้ตลอดชีวิต แต่ในเวลาเดียวกัน การเสริมคางจัดเป็นการผ่าตัดชนิดหนึ่งที่ทำให้มีอาการบวมช้ำหลังผ่าตัด และต้องใช้เวลาในการพักฟื้นพอสมควร ที่สำคัญ หากเลือกหมอและคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะส่งผลให้คุณต้องมีค่าใช้จ่ายในการแก้ที่สูงขึ้นตาม