ปฏิเสธไม่ได้ว่า “A Business Proposal” ละครที่นำแสดงโดย คิมเซจอง (Kim Se Jeong) และ อันฮโยซอบ (Ahn Hyo Seop) กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ เรตติ้งเรื่องนี้เริ่มต้นด้วย 4.9% และตอนนี้ก็แตะ 10% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีรายงานว่าเหลืออีกเพียง 4 ตอนเท่านั้นที่ละครเรื่องนี้จะจบลง ซึ่งแต่ละตอนก็ได้รับการตอบรับอย่างกระตือรือร้นจากผู้ชม 

นี่เป็นเพราะว่า “A Business Proposal” มีการวางแผนให้มีเพียง 12 ตอน ซึ่งแตกต่างจากละครที่มีอยู่ส่วนใหญ่ ดังนั้นการพัฒนาเนื้อหาจึงเร็วมากตั้งแต่เริ่มต้น และสิ่งนี้ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ชม ในทำนองเดียวกัน ละครเรื่อง “Thirty Nine” ของ ซนเยจิน (Son Ye Jin) ก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ทำไมละครสมัยนี้ถึงสั้นนัก?

ตามปกติแล้ว ละครทั่วไปจะมีจำนวนอยู่ที่ระหว่าง 16 ถึง 24 ตอน และจะออกอากาศสัปดาห์ละ 2 ตอน เฉลี่ยแล้วเราจะได้ดูไปยาว ๆ 8 ถึง 12 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน มีละครหลายเรื่องที่เลือกออกอากาศแค่เพียง 12 ตอนเท่านั้น (บางเรื่องมีเพียงแค่ 8 ตอน) 

ละครที่มีเพียง 12 ตอนซึ่งได้รับความนิยม อาทิ “Navillera“, “Youth of May“, “Inspector Koo“, “Happiness,” “The Veil“, “Bad and Crazy,” และ “Through the Darkness”

ดูเหมือนว่า Netflix จะเป็นคนแรกที่จุดประกายความคิดในเรื่องนี้ ในบริการสตรีมมิ่งออนไลน์ (OTT) ละครมักจะถูกผลิตในจำนวน 8 ถึง 10 ตอน และด้วยเหตุนี้ การพัฒนาเนื้อหาของเรื่องจึงรวดเร็วมาก และการเดินเรื่องเร็วแบบนี้ก็ได้ช่วยดึงดูดสายตาของผู้ชมทำให้เกิดความรู้สึกจดจ่อกับละครมากขึ้น

เมื่อกระแสนิยมทำให้ละครสั้นลงและเร่งการพัฒนาเนื้อหาแทน ละครทั่วไปจึงเริ่มลดความยาวลงบ้าง ดังนั้นเราเลยได้เห็นว่ามีละครรูปแบบ 12 ตอน หรือ 8 ตอน และการออกอากาศสัปดาห์ละครั้งมากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้มีการประเมินไปด้วยว่า “รูปแบบการรับชมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป”

เพื่อดึงดูดผู้ชมที่ดูละครด้วยอุปกรณ์อย่างเช่น มือถือสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ให้สามารถดูเรื่องนั้น ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบได้ สิ่งสำคัญคือต้องเพิ่มความดื่มด่ำกับการเดินเรื่องที่รวดเร็วขึ้น พูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้ชมไม่สามารถทนต่อความเบื่อหน่ายได้ หากละครเดินเรื่องช้าและมีจำนวนตอนมาก และเมื่อจำนวนตอนลดลง ระยะเวลาในการผลิตละครก็จะปลอดภัยและได้คุณภาพที่ดีขึ้นด้วย

ดังนั้น ละครที่มีคิวจะออกอากาศในปี 2022 นี้จึงมีหลายเรื่องที่มีตอนสั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น “Pachinko” ที่จะมีเพียง 8 ตอน “Suriname” ที่จะมี 6 ตอน “A Model Family” ที่จะมี 10 ตอน และ “Money Heist” ที่จะมี 12 ตอน

ในขณะที่ละครกำลังสั้นลงเรื่อย ๆ ปฏิกิริยาของชาวเน็ตส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนจะเป็นไปในแง่บวก พวกเขาให้ความเห็นว่า

“ละครตอนยาวมันมีนานเกินไปแล้ว สั้นบ้างก็ดี”

“ฉันว่ารู้สึกสั้นๆ บ้างก็ดีนะ”

”ก็ดีที่ไม่ต้องยืดเยื้อ”

ในทางกลับกัน ยังมีปฏิกิริยาไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง เช่น

“มันน่าเสียดายถ้าละครที่ฉันดูมีแค่ 12 ตอน”

“มันสั้นเกินไป” ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม หากความยาวของละครสั้นลง ผู้ออกอากาศจะต้องผลิตละครเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ภาระต้นทุนการผลิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่บริษัท OTT ขนาดใหญ่ซึ่งมีทุนสูงมากก็ยังคงสามารถผลิตละครภายใน 10 ตอนได้อย่างสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆด้วยเหตุนี้จึงคาดว่าในอนาคตละครจะสั้นลงไปอีก