มาดูกันว่าค่ายต้นสังกัดต้องมีเงินสำรองมากขนาดไหนในการรับเด็กฝึกหัดสักคนหนึ่งเข้ามาในค่าย!

‘BTS’ หนึ่งในศิลปินเคป๊อปที่เรียกได้ว่า ครั้งหนึ่ง ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายจนตัววงต้องดำดิ่งไปอยู่ในจุดที่ใครหลาย ๆ คนอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดต่ำสุดของศิลปิน แต่แล้วในท้ายที่สุด สมาชิกทั้ง 7 คนของวง ‘BTS’ ก็พิสูจน์ให้ได้เห็นว่าพวกเขานั้นคือ นกฟินิกซ์ ที่ในวันนี้ ได้วันเกิดใหม่อีกครั้งเพื่อบินขึ้นไปยังจุดสูงสุดที่คู่ควรกับความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของพวกเขา ไม่มีใครปฏิเสธความสำเร็จอันเป็นที่ประจักษ์ของชื่อ ‘BTS’ ได้ และเช่นเดียวกันกับที่เหล่า ‘ARMYs’ หรือแฟน ๆ ของพวกเขาต่างภาคภูมิใจในผลลัพธ์ของความพยายามนั้น แฟน ๆ เองก็รู้สึกขอบคุณ และขอบคุณในความพยาม และการร่วมแรงร่วมใจของ ‘บัง ชีฮยอก’ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในเบื้องหลังความสำเร็จอันแสนสวยงามของวง ‘BTS’ เช่นเดียวกัน

ด้วยเพราะเหตุนั้นเอง เราจึงจะพาทุก ๆ คนมาร่วมฟังบทสัมภาษณ์ของ ‘บัง ชีฮยอก’ ชายผู้อยู่เบื้องหลังการบริหารจัดการวง ‘BTS’ ที่จะมาบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวของ ‘การฝึกฝนเด็กฝึกหัด’ สักคนหนึ่งผู้ซึ่งอาจกลายมาเป็นศิลปินที่ได้พบกับความสำเร็จที่ตอบแทนความพยายามของเขา หรือเธอได้เช่นเดียวกันกับเหล่าสมาชิกวง ‘BTS’ ว่า หากต้องการฝึกสอนเด็กฝึกหัดสักคนภายในช่วงระยะเวล 1 ปีแล้วนั้น ทางค่ายต้นสังกัดต้องลงทุนลงแรงมากแค่ไหน

โดยในกรณีนี้ ‘บัง ชีฮยอก’ ได้กล่าวถึงตัวเลขที่มีมูลค่าสูงถึง 20 ล้านวอน (หรือเกือบ 3.5 ล้านบาท) ว่านั่นเป็นมูลค่าการลงทุนที่บริษัทจำเป็นต้องใช้ในการฝึกสอนเด็กฝึกหัดสักคนเป็นระยะเวลา 1 ปี อย่างไรก็ดี ตัวของ ‘บัง ชีฮยอก’ ยังได้เน้นย้ำว่าในทุก ๆ การลงทุนในแต่ละครั้งนั้นไม่มีสิ่งที่เรียกได้ว่าแน่นอน นั่นหมายถึงค่ายต้นสังกัดแต่ละค่ายมีตัวเลขในการลงทุนที่แตกต่างกันไป และในทุก ๆ ครั้ง ตัวเลขนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

อย่างไรก็ดี โดยเฉลี่ยแล้ว จำนวนเงินมูลค่ากว่า 20 ล้านวอน นั้นเป็นจำนวนเงิน ‘ในระดับเบื้องต้น’ (หรือโดยเฉลี่ย) ที่สามารถครอบคลุมคอร์สการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมตามมาตรฐาน แต่อย่างไรก็ตาม หากค่ายต้นสังกัดต้องการให้เด็กฝึกหัดได้รับกระบวนการเรียนการสอน รวมไปจนถึงการมีประสบการณ์ในระดับสูง ทางค่ายต้นสังกัดก็อาจเลือกที่จะส่งเด็กฝึกหัดไปเรียนรู้สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ในต่างประเทศ และนั่นหมายถึงตัวเลขมูลค่าการลงทุนที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วยเช่นเดียวกัน

นอกเหนือไปจากค่าใช้จ่ายเพื่อการเรียนการสอนแล้ว ค่ายต้นสังกัดยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ อีกด้วย อาทิ ค่าหอพักสำหรับเด็กฝึกหัด ที่ซึ่งเป็นส่วนของค่าใช้จ่ายที่มีมูลค่าการลงทุนที่สูงมากไม่แพ้กัน แต่อย่างไรก็ตาม ในหลายกรณี เด็กฝึกหัดส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่กับครอบครัวของพวกเขาจนกว่า ‘การเดบิวต์’ ของพวกเขาจะได้รับการยืนยันอย่างแน่นอน

ซึ่งภายหลังที่เด็กฝึกหัดได้รับเลือกให้อยู่ในไลน์อัพเดบิวต์ เขา หรือเธอจะต้องย้ายมาพักอาศัยอยู่ในหอพักที่ค่ายต้นสังกัดจัดหาให้ร่วมกันกับเพื่อนสมาชิกคนอื่น ๆ ที่ผ่านการคัดเลือกเช่นเดียวกัน โดยปกติแล้ว ระยะเวลาในการพักอาศัยร่วมกันกับเพื่อนสมาชิกในไลน์อัพเดบิวต์นั้นมักจะกินระยะเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง (ก่อนการเดบิวต์อย่างเป็นทางการ) ซึ่งภายในระยะเวลานี้ ทางค่ายต้นสังกัดจะเป็นผู้รับภาระด้านค่าใช้จ่ายด้านที่พักอาศัย และค่าอาหารให้กับเด็กฝึกหัด

สุดท้ายนี้ เรียกได้ว่าเป็นข้อดีของการเป็นเด็กฝึกหัดภายใต้ค่ายต้นสังกัดขนาดใหญ่ หรือเบอร์ต้น ๆ ของประเทศ (ค่ายต้นสังกัด SM, JYP, YG, และ  HYBE) เพราะบรรดาเด็กฝึกหัดนั้นจะไม่ถูกขอให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใด ๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้นแม้ว่าเขา หรือเธอจะไม่ได้รับคัดเลือกให้เดบิวต์ภายใต้ค่ายต้นสังกัดก็ตาม และในส่วนของเด็กฝึกหัดที่ได้รับโอกาสเดบิวต์ เขา หรือเธอนั้นก็จะได้รับโอกาสในการมีเงินเดือน หรือรายได้จากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในวงการบันเทิงในทันทีหลังจากเดบิวต์ ด้วยเพราะระบบการบริหารจัดการของค่ายต้นสังกัดที่อาจบ่งบอกได้ว่าค่ายนั้นมีศักยภาพเพียงพอในการจ่ายเงินให้กับศิลปินในค่ายพร้อมกันกับการหาเงินคืนทุนในส่วนของการลงทุนที่ทางค่ายเสียไปด้วยเช่นเดียวกัน

ในทางกลับกัน อาจเรียกได้ว่าเป็นโชคร้ายกว่าของเด็กฝึกหัดคนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาเด็กฝึกหัดภายใต้ค่ายต้นสังกัดขนาดเล็ก ที่เขา หรือเธอนั้นอาจต้องรอเวลาเป็นเดือน หรือเป็นปีกว่าจะได้รับเงินเดือน หรือรายได้ก้อนแรกที่มาจากการทำงานหนักของพวกเขา ด้วยเพราะทางค่ายต้นสังกัดนั้นจำเป็นที่จะต้องหาเงินคืนทุนในส่วนที่ทางค่ายได้เสียไปก่อนก่อนที่จะเริ่มต้นแบ่งรายได้ให้กับบรรดาศิลปินของพวกเขา

ที่มา: theqoo