โจนาห์ ฟิชเชอร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีที่เคยรายงานสถานการณ์ในไทย ครั้งนี้เดินทางไปที่รัฐฉานในพม่า เจาะลึกเรื่องราวชีวิตอันแสนรันทดของครอบครัวชาวพม่าที่เด็กหญิงอายุ 4 ขวบถูกพ่อแท้ๆ ขายให้แก๊งค้าเด็กชาวจีน เนื่องมาจากปัญหาหนี้สินที่ล้นพ้นตัว

ภายในเรือนไม้ไผ่หลังน้อยๆ นางหม่า ชาน คุณยายของ ขิ่น ขิ่น อู เล่าเรื่องราวชีวิตสุดแร้นแค้นของครอบครัวให้ฟัง ในขณะที่น้าชายของเด็กนั่งฟังอยู่ไม่ไกลนักพร้อมกับจ้องตาเบลอๆ ไปข้างหน้า ส่วนหลานชายตัวน้อยนั่งเล่นดินโคลนอยู่ตรงเสาบ้าน 

"ฉันปลูกข้าวกับข้าวโพดขาย แต่ลูกชายฉันติดยามาก ทำให้บ้านเราไม่มีเงิน" นางหม่าชานเล่า ก่อนจะบอกว่า ลูกสาวที่เป็นแม่ของเด็กหนีไปกับผู้ชายคนอื่นเพราะถูกมอมยาในเครื่องดื่ม จึงทิ้งลูกไว้ให้ คือด.ญ.ขิ่น ขิ่น อู และน้องชาย

กระทั่งวันหนึ่งพ่อของเด็กชื่อ โซ คิน กลับมาหาหลานสาวฉัน จากนั้นทั้งคู่ก็หายไป 4 วัน

"ฉันรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ จึงไปขอความร่วมมือจากผู้ใหญ่คนหนึ่งในหมู่บ้าน จากนั้นก็ไปคุยกับเพื่อนของโซ คิน ฉันเลยได้รู้ว่าเขาไปเล่นไพ่มาจนตอนนี้เป็นหนี้ท่วมหัว" นางหม่ากล่าว

ต่อมาเมื่อตำรวจเจอตัวนายโซ คิน ชายหนุ่มสารภาพว่าขายหนูน้อยขิ่น ขิ่น อูให้แก๊งค้าเด็กชาวจีนไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีหญิงจากรัฐคะฉิ่นเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ตำรวจจึงรีบรุดหน้าไปเมืองหรุ่ยลี่ เมืองบริเวณชายแดนจีนและอยู่ติดกับพรมแดนของพม่าทันที ก่อนจะรู้ความจริงว่า ขิ่น ขิ่น อูถูกขายไปให้คู่สามีภรรยาที่ไม่มีลูก และอยากอุปการะเด็ก ในราคา 12,000 หยวน (ราว 64,350 บาท) แล้ว

ด้วยความร่วมมืออย่างดีจากตำรวจจีน หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น หนูน้อยได้กลับไปหาคุณยาย ซึ่งนับว่าโชคดีมากที่สามีภรรยาคู่นั้นดูแลเธออย่างดี เพียงแต่ไม่รู้เลยว่าหนูน้อยคนนี้ถูกซื้อตัวมา

"ฉันกระวนกระวายมากตอนเธอหายไป เป็นห่วงเธอถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ" นางหม่า ชานกล่าว

แม้ว่าอาจจะอยากอยู่ใกล้หลานสักเพียงไหน แต่ด้วยความรักที่มีต่อหลาน ทำให้สุดท้ายแล้ว นางหม่า ชานยอมตัดใจส่งหนูน้อยขิ่น ขิ่น อูกลับไปเมืองจีน ให้ไปอยู่กับป้า ด้วยเกรงว่าอยู่พม่าแล้วอาจไม่ปลอดภัย

คดีค้าเด็กในพม่าอาจมีไม่มากนัก จะมีก็แต่หญิงสาวจำนวนมากที่ถูกหลอกไปขายให้กับชาวจีน ทั้งหมดนี้สืบเนื่องมาจากการที่จีนมี นโยบายสนับสนุนให้มีลูกเพียงคนเดียว อีกทั้งยังมีค่านิยมชื่นชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว ทำให้ชายชาวจีนหาภรรยาได้ค่อนข้างลำบาก และหญิงสาวที่ถูกลวงมาก็จะต้องกลายมาเป็นภรรยาของคนเหล่านี้ ซึ่งนักประชากรศาสตร์ก็ประเมินว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า เมืองจีนจะมีชายโสดถึง 24 ล้านคนเลยทีเดียว

น.ส.ละโม บกดิน สาวพม่าผู้เคยตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ เผยถึงประสบการณ์อันแสนเจ็บปวด ว่าตอนนั้นไปสมัครงานในร้านอาหารของจีน แต่แล้วเจ้าของร้านกลับข่มขู่ให้ต้องไปเป็นภรรยาของพี่ชายเจ้าของร้านแทน

"สามเดือนเต็มๆ เลย ที่ฉันถูกปิดกั้น โดนสั่งไม่ให้โทร.หาใครทั้งสิ้น ให้อยู่แต่ในบ้าน ถ้าฉันจะไปเยี่ยมพ่อแม่จริงๆ ก็คือต้องรอให้มีลูกกับเขาซะก่อน" น.ส.ละโม เล่าถึงการหนีรอดมาได้ว่า ตอนนั้นฉันอยู่บ้านสองชั้น หน้าต่างบ้านมีมุ้งลวดปิดอยู่ ฉันเลยคว้ากรรไกรมาตัดมุ้งลวด แล้วโดดหนีลงไปที่ถนน ก็โชคดีนะที่ไม่มีใครเห็น ฉันเลยเรียกรถให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ แล้วตำรวจก็ช่วยฉันซื้อตั๋วออกไปจากปักกิ่ง"

ตอนนี้ละโมอยู่ในเต็นท์กับน้องสาวและฟื้นฟูชีวิตด้วยการทำงานทอผ้าที่ได้เงินเล็กน้อย แต่เปี่ยมไปด้วยอิสรภาพ