จาตุรนต์ ชี้ แจกคูปองเงินสด 3,000 บาท ให้เด็กซื้อแท็บเล็ตเองเป็นไปได้ยาก เพราะเด็กส่วนน้อยที่มีความพร้อม เผยตอนนี้เร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแท็บเล็ตสำหรับนักเรียนชั้น ป.1 และ ม.1 ในปีการศึกษา 2556 ให้แล้วเสร็จ

           จากกรณีที่มีข่าวว่าในปีงบประมาณ 2557 รัฐบาลไทยมีแนวคิดจะแจกคูปองเงินสด 3,000 บาท ให้กับเด็ก ป.1 และ ม.1 แทนการแจกเครื่องแท็บเล็ตนั้น ในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เผยว่า ข่าวดังกล่าวเป็นเพียงแนวคิดที่มีการเสนอแต่ไม่ใช่ข้อสรุป ขณะนี้จะต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแท็บเล็ตสำหรับนักเรียนชั้น ป.1 และม.1 ในปีการศึกษา 2556 ตามระเบียบในโครงการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตพกพาต่อหนึ่งนักเรียนให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งในส่วนของโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) อยู่ระหว่างการยกเลิกสัญญาและต้องรอฟังผลการพิจารณาจากคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมบัญชีกลาง ซึ่งบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ยื่นอุทธรณ์ ว่าจะสรุปผลเช่นไรจึงดำเนินการต่อได้ และหากต้องเปิดประมูลใหม่คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน

           ทั้งนี้ เมื่อการดำเนินการของปีการศึกษา 2556 เรียบร้อย ศธ.จะมีการประชุมสรุปบทเรียนที่ผ่านมาทั้ง 2 ปีงบประมาณ (2555-2556) ว่าการจัดซื้อจัดจ้างที่ผ่านมามีข้อดีข้อเสียและอุปสรรคอย่างไร เพื่อหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน โดยมีปัญหาสำคัญคือ ความล่าช้า ซึ่งยอมรับว่าแก้ได้ยาก เพราะตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างนั้นมีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่รัดกุมเพื่อป้องกันการล็อกสเปคและการสมยอม หากมีการร้องเรียนหรือทักท้วงก็ต้องตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงกันอีกนาน ทำให้อุปกรณ์ไปถึงเด็กช้ามาก บางครั้งข้ามปีงบประมาณก็ยังดำเนินการไม่เสร็จ อีกประเด็นเป็นเรื่องของคุณสมบัติ ที่จะต้องพิจารณาว่าจะสามารถกำหนดสเปคที่มีคุณสมบัติสูงขึ้นได้หรือไม่ เพื่อรองรับแอพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่จะพัฒนาต่อไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้าด้วย

           นายจาตุรนต์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอที่จะให้มีการใช้คูปองแทนนั้น มองว่าเด็กบางส่วนที่ครอบครัวมีฐานะอาจจะต้องการใช้แท็บเล็ตที่สเปคสูงขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ได้มากกว่า จึงคิดว่าน่าจะให้เป็นคูปองแทนเพื่อนำไปซื้อในสเปคที่ต้องการโดยเพิ่มเงินส่วนต่างเอง แต่ไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนเป็นคูปอง เพราะต้องการแก้ปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างที่เกิดปัญหาขึ้นรวมถึงงบประมาณการจัดซื้อที่ไม่เพียงพอ

           อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปเพราะเป็นเพียงแนวคิดของผู้เกี่ยวข้องบางส่วนเท่านั้น ซึ่งอาจจะมีปัญหา โดยเฉพาะความรู้สึกของเด็กที่อาจจะเกิดการเปรียบเทียบกันเอง และยังมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่ต้องพิจารณาประกอบด้วย คงต้องสำรวจความคิดเห็นของเด็ก ผู้ปกครอง รวมถึงความพร้อมต่าง ๆ หากจะเปลี่ยนแปลงมาใช้คูปองแทน แต่เชื่อว่าเด็กส่วนใหญ่คงยังไม่มีความพร้อมหรือฐานะที่จะจัดซื้อเองได้ แนวคิดดังกล่าวจึงรองรับได้เฉพาะเด็กส่วนน้อย ดังนั้นแนวคิดดังกล่าวคงเป็นไปได้ยาก

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม