และแล้วกลุ่มสุดโต่งไอเอสก็ตอกย้ำอีกครั้งว่า ไม่ได้ดีแต่ขู่ แต่พร้อมจะลงมือปลิดชีพเบี้ยต่อรองมีชีวิตทุกครั้งที่ออกคลิป

ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวที่เสี่ยงตายไปตีแผ่ความเป็นไปของสงคราม หรือเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ที่เข้าไปช่วยเหลือเหยื่อ แล้วก็ตกเป็นเหยื่อ

เหยื่อตัดศีรษะรายล่าสุดอย่าง นายเคนจิ โกโตะ นักข่าวอิสระชาวญี่ปุ่น อาจแตกต่างกับรายก่อนๆ ตรงที่มีการทิ้งช่วงให้โลกเอาใจช่วยและลุ้นว่าอาจมีโอกาสที่จะรอด เพราะข้อเรียกร้องของไอเอสที่เปลี่ยนไป แต่สุดท้ายชะตากรรมก็มิได้แตกต่างกัน

เคนจิ โกโตะ เป็นใคร เหตุใดต้องไปในดินแดนอันตรายอย่างนั้น

นักข่าวอิสระวัย 47 ปี ผ่านสนามข่าวสงครามมาอย่างโชกโชน เคยไปทำข่าวที่อัฟกานิสถาน เชชเนีย และซีเรีย

ก่อตั้งบริษัทผลิตข่าวของตัวเอง ชื่อว่า อิน ดิ เพนเดนท์ เพรส ในปี 2539 ป้อนสารคดีข่าวจากตะวันออกกลางและอื่นๆ ให้แก่สถานีเอ็นเอชเค เครือข่ายโทรทัศน์อาซาฮี และสื่ออีกหลายสำนักในญี่ปุ่น ทั้งยังมีผลงานหนังสือเกี่ยวกับผลกระทบของความช่วยเหลือต่อแอฟริกา

โกโตะ มีความมุ่งมั่นบวกความกล้าที่จะนำเสนอเรื่องราวของคนในพื้นที่อันตรายที่สุดของโลกเสมอ

ข่าวชิ้นหนึ่งทางเอ็นเอชเค เมื่อเมษายน 2555 เป็นรายงานที่โกโตะพบกับผู้อพยพชาวซีเรียในค่ายผู้ลี้ภัยตุรกี เพราะต้องการจะนำเสนอชีวิตของชาวบ้านว่า ต้องเจอะเจอกับอะไรบ้าง พูดคุยกับผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่เล่าเรื่องทหารบุกบ้าน พูดคุยกับอดีตทหารกบฏที่นำชาวบ้านไปยังค่ายผู้อพยพหลังถูกรัฐบาลโจมตีทำลายหมู่บ้าน

ในการให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ข่าวญี่ปุ่นแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว โกโตะกล่าวว่า ต้องการจะช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่ขัดแย้ง "สถานที่ที่ผมไปเยือนเพื่อรายงานข่าว เผชิญกับความยากลำบากแร้นแค้นสุดจะทน ผู้คนเหล่านั้นมักขอให้ผมนำความเป็นจริงที่เกิดขึ้นไปบอกโลกภายนอก"

ก่อนข้ามจากชายแดนทางใต้ตุรกีไปซีเรียเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว โกโตะได้อัดคลิปวิดีโอสั้นๆ แจ้งว่า กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองรัคกา เมืองหลวงของไอเอส "หากเกิดอะไรขึ้น ผมขอร้องชาวญี่ปุ่น อย่าโทษใครในซีเรีย ผมขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียว แต่ผมมั่นใจว่าจะมีชีวิตกลับมา"

ในคลิปนี้ โกโตะ กล่าวด้วยว่า ชาวซีเรียลำบากมากตลอด 3 ปีครึ่งมานี้ น่าจะพอได้แล้ว และอยากจะไปดูว่าไอเอสต้องการทำอะไร

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นายอาลาเอ็ดดิน อัล ซาอิม เพื่อนของเขาที่เคยเดินทางไปในซีเรียด้วยกัน พยายามห้ามโกโตะแล้วว่าไม่ปลอดภัย

แต่อีกฝ่ายตอบว่า ไม่คิดว่าอันตราย เพราะไม่ใช่ชาวอเมริกัน ไม่ใช่อังกฤษ แต่เป็นชาวญี่ปุ่น

มีรายงานว่า โกโตะ ได้พบกับ นายฮารุนะ ยูคาวะ เพื่อนตัวประกันวัย 42 ปี ที่อยู่ในคลิปถูกฆ่าตัดศีรษะก่อนหน้า ที่เมืองอเล็ปโป ในซีเรีย เมื่อเมษายนปีที่แล้ว ขณะที่ฝ่ายหลังถูกกองกำลังปลดปล่อยซีเรีย (เอฟเอสเอ) จับตัวไว้ โกโตะรู้จักกับสมาชิกในกลุ่มนี้บางคนและช่วยเจรจาปล่อยตัว จากนั้นทั้งคู่เดินทางไปอิรักด้วยกันในอีก 2 เดือนต่อมา

ยูคาวะ คิดตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัย และอยากเรียนรู้การทำงานในพื้นที่สงคราม มีรายงานว่า โกโตะถ่ายทอดประสบการณ์ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรในซีเรีย และแนะนำให้รู้จักกับนักรบกบฏบางคนที่กำลังต่อสู้กับกองกำลังรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด

เมื่อ ยูคาวะ อยากกลับไปซีเรียอีกในเดือนสิงหาคม โกโตะห้ามไว้ แต่อีกฝ่ายไม่ฟัง ที่สุด ยูคาวะ ถูกจับตัวในซีเรีย

มีรายงานแตกต่างกันว่า เหตุใดนายโกโตะจึงเดินทางจากญี่ปุ่นไปซีเรียอีกเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แม้บางสำนักระบุว่า ต้องการไปรายงานข่าวสถานการณ์จากพื้นที่ในความควบคุมของไอเอสเท่านั้น แต่ข่าวจากหนังสือพิมพ์ไมนิจิกับเอ็นเอชเค ระบุว่าเพื่อไปตามหาและช่วยเหลือนายยูคาวะด้วย

ความเคลื่อนไหวของเขาหลังสุดที่แจ้งผ่านทวิตเตอร์ เป็นรายงานมาจากเมืองโคบานี ในซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไอเอสยึดครองเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากนั้นจึงหายเงียบไป ก่อนที่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาภรรยาของเขาได้รับอีเมลเรียกค่าไถ่แลกกับการปล่อยตัว

นางรินโกะ ภรรยาของนายโกโตะ พูดเป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วว่า สามีถูกลักพาตัวเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม แต่เธอได้รับอีเมลเมื่อต้นพฤศจิกายน จากคนที่อ้างว่าเป็นสมาชิกไอเอส เรียกค่าไถ่กว่า 200 ล้านบาท เธอกล่าวว่า สามีเป็นคนดีและจริงใจ ไปซีเรียเพราะต้องการนำเสนอชีวิตของเหยื่อสงคราม ทั้งคู่มีลูกเล็ก 2 คน คนโตอายุ 2 ขวบ คนเล็กคลอดไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่โกโตะออกเดินทางไปซีเรีย

ด้าน นางจุนโกะ อิชิโด มารดาของนายโกโตะ ออกมาพูดหลายครั้งว่า โกโตะไม่ใช่ศัตรูของไอเอส และยืนยันว่าลูกชายเป็นคนจิตใจดี พูดเสมอว่าอยากช่วยเหลือเด็กในดินแดนสงคราม

แต่ไอเอสไม่รับฟังอีกเช่นเคย หลังจากได้พื้นที่ข่าวจากสำนักข่าวหลักและสื่อสังคมออนไลน์อยู่หลายวัน ได้เผยคลิปวิดีโอตัดศีรษะนายโกโตะเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นของจริง

ที่มา คม ชัด ลึก