ห่วงกลุ่มชายได้ชายป่วยเอดส์พุ่ง จ่อดันยาต้านไวรัสสูตรดื้อยา-รวมเม็ดเข้าบัญชี
2014-10-02 11:57:54
Advertisement
คลิก!!!

       ห่วงกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชายป่วยเอดส์พุ่ง ถึง 4.3 หมื่นคน ในปี 2559 สธ. จ่อเดินหน้าโครงการถุงยางอนามัย ควบให้ยาต้านไวรัสเร็วทุกสิทธิ ไม่คำนึงค่า CD4 เพื่อลดการแพร่เชื้อ เผยเตรียมแจกถุงยางฟรี 22 ล้านชิ้น พร้อมดันยาต้านไวรัสสูตรดื้อยา และชนิดรวมเม็ดเข้าบัญชียาหลักฯ ป้องกันการดื้อยาเอดส์จากการกินไม่ต่อเนื่อง
       
       1 ต.ค. เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ลานวิคตอรี พอยท์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวเรื่อง “เอดส์ รู้เร็ว รักษาได้” เนื่องในวันรณรงค์เพื่อเข้าถึงการรักษา หรือเป็นวันที่ยาต้านไวรัสเอชไอวีบรรจุอยู่ในสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2548 ว่า แนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง โดยปี 2556 มีประมาณ 8,000 คน แต่ยอดสะสมผู้ติดเชื้อตั้งแต่ปี 2527 ที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงขณะนี้มีประมาณ 460,000 คน ที่น่าห่วงคือช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มชายรักชายมีอัตราการติดเชื้อร้อยละ 8-25 และมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน คาดว่าปี 2555 - 2559 จะพบผู้ติดเชื้อจากกลุ่มนี้สูงถึง 43,040 คน หรือร้อยละ 40 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลการวิจัยระดับโลก พบว่า หากผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับยาต้านไวรัสเร็วไม่เกิน 1 เดือน หลังวินิจฉัย และกินต่อเนื่องจะลดการติดเชื้อเอชไอวีได้สูงร้อยละ 96 จนไม่สามารถแพร่โรคต่อไปได้ จะลดการเสียชีวิตผู้ป่วยได้ปีละไม่ต่ำกว่า 700 คน
       
       “หากใช้มาตรการการป้องกันจากการให้ยาต้านไวรัสฯ ผสมผสานกับการป้องกันคือโครงการถุงยางอนามัย 100% มั่นใจว่าจะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ปีละไม่ถึง 1,000 ราย ได้ภายในปี 2573 หรืออีก 16 ปีข้างหน้า มีผลให้ไทยสามารถควบคุมโรคนี้ไม่ให้เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศได้” รมช.สาธารณสุข กล่าวและว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป รัฐบาลมีนโยบายดำเนินการด้านเอดส์ 3 ด้าน คือ 1. ให้ยาต้านไวรัสผู้ติดเชื้อทุกคนสุกสิทธิเร็วที่สุดและฟรี ไม่คำนึงถึงค่า CD4 2. ลดการเลือกปฏิบัติและละเมิดสิทธิผู้ติดเชื้อ โดยสถานบริการสาธารณสุขเป็นตัวอย่าง หากฝ่าฝืนมีมาตรการเด็ดขาดจัดการ และ 3. ให้ทุกคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อ รับคำปรึกษาและตรวจเลือดตามความสมัครใจในโรงพยาบาลรัฐทุกปีละ 2 ครั้ง เร่งรัดให้ทราบผลตรวจเร็วขึ้นจาก 3 วันเหลือ 1 วัน
       
       ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า การลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในปีงบประมาณ 2558 คร. ได้จัดเตรียมถุงยางอนามัยแจกฟรี 22 ล้านชิ้น เน้นกลุ่มเสี่ยงหลัก ได้แก่ กลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย กลุ่มพนักงานบริการทางเพศ กลุ่มผู้ต้องขัง และกลุ่มผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด ส่วนการรักษาจะให้ยาต้านไวรัสผู้ติดเชื้อทุกรายไม่คำนึงถึงค่า CD4 นอกจากนี้ ยังได้เสนอยาต้านไวรัสตัวใหม่ในสูตรดื้อยา และยาต้านไวรัสชนิดรวมเม็ดเข้าอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อผู้ป่วยกินได้สะดวกขึ้น ป้องกันปัญหาเชื้อดื้อจากการกินยาไม่ต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ
       
       นพ.โสภณ กล่าวว่า นอกจากนี้ คร. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้วันที่ 1 ก.ค. และตลอด ก.ค. ของทุกปีเป็นเดือนแห่งการดูแลสุขภาพและสร้างความตระหนักในการสมัครใจตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี และร่วมกับแพทยสภา ภาคีเครือข่ายปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับแพทย์ ในการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีได้ โดยไม่ต้องผ่านการลงนามยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงยาต้านไวรัส ซึ่งจากการการให้ยาต้านไวรัสตั้งแต่ ปี 2548 พบการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อผู้ป่วยเอดส์ลดลง จากสูงสุดในปี 2542 จำนวน 9,154 คน เหลือ 673 คน ในปี 2553 หรือลดลงถึง 13 เท่าตัว และลดการป่วยเป็นเอดส์เต็มขั้นในผู้ติดเชื้อลงได้ 6 เท่าตัว จาก 30,076 คนในปี 2542 เหลือ 5,058 คน ในปี 2553

ที่มา  http://www.manager.co.th/

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X