วิทยุการบินเชิญสายการบินต่าง ๆ เข้ารับฟังการชี้แจงหลังถูกกลุ่ม คปท. ขู่ปิดล้อม หากรักษาการนายกฯ ไม่ออกนอกประเทศภายในวันที่ 15 ม.ค. 57 ขณะที่กระทรวงคมนาคมเร่งปรับแผนสำรองรายวัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2557 นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีสะพานชมัยมรุเชฐ โดยขู่ว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่ออกนอกประเทศภายในวันที่ 15 มกราคมนี้ คปท. จะปิดวิทยุการบิน ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้า-ออกประเทศได้ ซึ่งยืนยันว่า ภารกิจนี้ คปท. เป็นผู้รับผิดชอบเท่านั้น กลุ่ม กปปส. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.05 น. ของวันที่ 14 มกราคม 2557 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแล ศอ.รส. ได้แถลงว่า กรณีที่มีข่าวว่า กลุ่ม กปปส. นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จะเคลื่อนขบวนมาปิดหน่วยราชการ รวมถึงกรณีที่กลุ่ม คปท. จะปิดวิทยุการบิน ถือเป็นการกระทำที่ผิดและละเมิดกฎหมาย เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.)

ขณะที่ น.ต.ประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า วิทยุการบินมีความรับผิดชอบในการดูแลและให้ความปลอดภัยกับสายการบินที่ขึ้น-ลงในประเทศ และสายการบินที่บินผ่านประเทศไทย โดยมีมาตรฐานสากลกำกับดูแลอยู่ ดังนั้นจากกรณีที่มีข่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะทำการปิดล้อมวิทยุการบิน ทางวิทยุการบินจึงได้เชิญสายการบินต่าง ๆ เข้ารับฟังการชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และสายการบินต่าง ๆ ก็เข้าใจว่า วิทยุการบินจะให้บริการตามปกติ

ในวันเดียวกัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.คมนาคม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า การปิดวิทยุการบินถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และมีผลผูกพันทั่วโลก เนื่องจากเราให้บริการสายการบินทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะแค่คนไทย แต่ต้องดูแลสายการบินที่บินผ่านประเทศไทยด้วย ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นเบื้องต้นได้มีการเตรียมความพร้อม โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารดูแลพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งมีแผนสำรองเพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น

ส่วนภาพรวมเส้นทางการจราจรต่าง ๆ หลังกลุ่มผู้ชุมนุมปิดพื้นที่ กทม. พบว่า เหตุการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด และชาว กทม. ยังใช้ชีวิตตามปกติ แต่การใช้เส้นทางโดยรถยนต์ส่วนตัวและการใช้ทางด่วนมีปริมาณลดลง ขณะปริมาณการใช้บริการสาธารณะ เช่น แอร์พอร์ตลิงค์ รฟม. และรถไฟใต้ดิน เพิ่มขึ้น

นายชัชชาติ ยังกล่าวอีกว่า แม้การชุมนุมยืดเยื้อ แต่ทางกระทรวงคมนาคมก็ยังคงให้บริการรถโดยสารประจำทางตามปกติ โดยมีการปรับเส้นทางการเดินรถประมาณ 87 สาย ที่อยู่ใกล้พื้นที่ชุมนุม ตนเห็นใจผู้ได้รับผลกระทบ เช่น กลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่ และรถตู้ ที่เริ่มออกมาบ่นบ้างแล้ว แต่ขอให้ประชาชนใช้ความอดทน เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุกระทบกระทั่งกัน

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงคมนาคมได้จัดจุดจอดรถ เพื่อไม่ให้ทั้งสองกลุ่มมาเผชิญหน้ากัน ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลและวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เพื่อลดปัญหาในการเดินทาง โดยเรามีแผนรองรับตลอด และทุกหน่วยก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ หากชุมนุมยืดเยื้อจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นรายชั่วโมง และปรับแผนสำรองแบบวันต่อวันด้วย

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม