|
อย่างเมื่อปีที่แล้ว สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริการายงานความผิดพลาดของโรงพยาบาลต่าง ๆ ในสหรัฐแล้วน่าตกใจ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ทางสถาบันก็ออกโรงเตือนไม่ให้ชาวโลกบริโภควิตามินมากเกินไปเพราะกลับจะเป็นภัยต่อสุขภาพได้
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาได้เกิดกระแสการสร้างศรัทธาให้แก่วิตามินว่าเป็นสิ่งประเสริฐสุดในการบำรุงรักษาและป้องกันโรค ทำให้ผู้ที่สนใจสุขภาพตนเองนำไปปฏิบัติ ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนว่าการบริโภควิตามินในปริมาณมาก ๆ จะมีประโยชน์ สถิติแสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันควักเงินซื้อวิตามิน และเกลือแร่ไปบริโภคเพิ่มจาก 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2533 เป็น 6,500 ล้านเหรียญในปี 2539 ที่ร้ายก็คือการบริโภควิตามินในขนาดสูงกว่าที่แนะนำตั้งแต่ 10 ถึง 50 หรือ 100 เท่า
ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่าถ้าทุกคนบริโภคอาหารประจำวันครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นผักสดและผลไม้แล้วทุกคนจะได้วิตามินครบถ้วน
ปัจจุบันนี้เริ่มปรากฎโทษของการบริโภควิตามินขนาดสูง ๆ ที่เรียกกันว่าเมก้าโดส (megadose) แล้ว อย่างเช่นวิตามินอี ถ้ารับประทานมากเกินไปอาจทำให้เลือดออก วิตามินซีมาก ๆ ก็ทำให้ท้องเสียและอาจมีผลกระทบการรักษามะเร็งที่กำลังเป็นอยู่ ธาตุเซเลเนียม (selenium) ในขนาดสูง จะทำให้ผมร่วงและเล็บหลุดได้ อย่างไรก็ตามวิตามินบางอย่างช่วยป้องกันโรคได้แน่ เช่น กรดโฟลิก (folic acid) จะช่วยป้องกันหญิงตั้งครรภ์ไม่ให้คลอดทารกที่พิการจากระบบประสาทไขสันหลัง
ความต้องการวิตามินของร่างกายในแต่ละวันมี อาทิเช่น
วิตามินซี 60 มิลลิกรัมทั้งหญิงและชาย
วิตามินอี 8 มก.ในผู้หญิง และ 10 มก.ในผู้ชาย
วิตามินบี 2 1.6 มก. ในผู้หญิง และ 2 มก.ในผู้ชาย
แคลเซียม 1 กรัมทั้งหญิงและชาย
ธาตุเหล็ก 15 มก.ในผู้หญิง และ 10 มก.ในผู้ชาย
ที่มา http://siamdara.com/