|
TVING เตรียมออกอากาศซีรีส์ฟอร์มยักษ์ 'Queen Woo' ที่ใช้ทุนสร้างประมาณ 3 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 766 ล้านบาท)
'Queen Woo' เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรโคกูรยอ ซึ่งพระมเหสีอู กลายเป็นเป้าหมายขององค์ชายและเผ่า 5 เผ่าที่จ้องแย่งชิงบัลลังค์หลังจากการตายอย่างกะทันหันของพระราชา เธอต้องพยายามแต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเมืองเอาไว้
จอนจงซอ (Jun Jong-seo) รับบทเป็น พระมเหสีอู ซึ่งอ้างอิงมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์ เธอต้องแต่งงานกับน้องชายของสามีที่เสียชีวิต เพื่อปกป้องบัลลังค์และผู้คน
เรื่องนี้เป็นซีรีส์แนวย้อนยุคเรื่องแรกของ จอนจงซอก เธอบอกว่าเลือกแสดงเรื่องนี้เพราะอยากจะทำลายภาพลักษณ์เดิมของตัวเอง ที่เคยแสดงไว้ในเรื่อง Burning, Ballerina มารับบทเป็นพระมเหสีอู ผู้สร้างพระราชา
“ฉันรู้ว่าฉันเลือกถูกต้องที่รับบทในซีรีส์ย้อนยุคเรื่องนี้ ระหว่างถ่ายทำ ฉันมองไปรอบข้างและเพิ่งรู้ว่าฉันเป็นนักแสดงหญิงคนเดียวท่ามกลางนักแสดงชายมากมาย เป็นตอนที่ฉันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งถึงความสำคัญของตัวละครที่เป็นผู้หญิงคนนี้”
จอนจงซอพูดถึงตัวละครของเธอในงานแถลงข่าวซีรีส์
จอนจงซอบอกว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการแสดงเรื่องนี้คือการพยายามหาจังหวะการพูดที่เหมาะและเป็นธรรมชาติกับบทแนวย้อนยุค
“ฉันคิดว่าการพูดช้าๆ ผ่อนคลายของฉันจะออกมาดี แต่หลังจากได้ดูมอนิเตอร์ในการแสดงครั้งแรก ฉันรู้สึกเป็นพวกไม่เข้าพวกไปเลย เหมือนฉันเป็นคนเดียวที่ไม่เข้าใจภาษานั้น ฉันรู้เลยว่าฉันเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว”
“ฉันเจอปัญหาในการหาสไตล์การพูดที่เหมาะกับซีรีส์ย้อนยุค ฉันปรึกษากับคนในวงการเยอะมาก จนเจอวิธีที่จะผสมเสียงธรรมชาติของฉันให้เข้ากับการพูดแบบโบราณ”
'Queen Woo' มีทั้งหมด 8 ตอน อย่างไรก็ตามตอนนี้ซีรีส์ถูกวิจารณ์ในเรื่องของความถูกต้องของประวัติศาสตร์ ชาวเน็ตบอกว่าชุดและทรงผมในวิดีโอตัวอย่าง รวมถึงภาพโปรโมทเหมือนได้รับอิทธิพลมาจากจีนมากกว่าความเป็นโคกูรยอแท้
สำหรับเรื่องนี้ ผู้กำกับจองเซคโยได้ออกมาชี้แจงว่าทางทีมงานได้ทำการตรวจสอบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์หลายครั้ง
“แม้ว่าภาพที่ออกมาจะทำให้เกิดข้อสรุปแบบนั้น แต่เรามีทีมที่ปรึกษาด้านวิชาการ และได้ทำการสืบค้นข้อมูลด้านเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าตามประวัติศาสตร์ และด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่มีอยู่ไม่มาก เราจึงต้องพึ่งพาการแปลความของศิลปิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดของตัวละครอึลพาโซ”
ผู้กำกับบอกเพิ่มเติมว่า
“เพราะว่ามีบันทึกจากศตวรรษที่ 2 ค่อนข้างน้อย เราจึงอ้างถึงจิตรกรรมฝาผนังของโคกูรยอในศตวรรษที่ 4 และ 5 แทน อย่างไรก็ตาม ตลอดการถ่ายทำ เรายึดถือข้อมูลของหนังสือประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลี 'Samguk Sagi’ และ 'Gwanggaeto the Great Stele' ที่มีข้อมูลเชิงลึกของประวัติศาสตร์ ซึ่งมีการศึกษาอย่างจริงจังมาก”