Magic Mike XXL : เต้นระเบิดใจละลายแบบบิ๊กๆ
2015-07-12 19:51:26
Advertisement
คลิก!!!

สามปีหลังจากไมค์ เลน หันหลังให้เวทีเปลื้องผ้าเพื่อใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง เขาก็ได้ตระหนักว่ากำลังหนีเสือปะจระเข้ ธุรกิจที่เขาทำอยู่ไม่ตรงใจเสียทีเดียวและหญิงสาวที่เขาเคยคิดว่าคือคนที่ใช่...ก็กลับไม่ใช่ แต่มีบางอย่างมากกว่านั้น

   "Magic Mike XXL" เป็นการกลับมารวมตัวกันของแชนนิ่ง ทาทัม, แม็ตต์ โบเมอร์, โจ แมนกานีลโล, เควิน แนช, อดัม โรดริเกซ และแกเบรียล อิเกลเซียส นักแสดงจากภาพยนตร์ที่ฮิตทั่วโลกปี 2012 เรื่อง "Magic Mike" ด้วย แอนดี้ แม็คโดเวลล์, เอลิซาเบธ แบงค์ส และจาดา-พิงเคตต์ สมิธ กำกับการแสดงโดย เกรกอรี เจค็อบส์

    หนังเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับไมค์ 3 ปีต่อมาหลังจากที่เขาลาวงการเต้นเปลื้องผ้าที่เขาได้สร้างตำนานเอาไว้ ภาพยนตร์เรื่อง "Magic Mike XXL"สมาชิกที่หลงเหลือ Kings of Tampa พร้อมสลัดผ้าแล้ว แต่พวกเขาอยากทำในสิ่งที่เป็นตัวของตัวเอง นั่นคือการปลุกความเร่าร้อนขึ้นมาในสุดยอดการแสดงครั้งสุดท้ายที่หาดไมร์เทิล พร้อมด้วยหัวหน้าคณะ Magic Mike แห่งตำนานที่จะมาสร้างสีสันกับพวกเขา

    บนเส้นทางสู่การแสดงครั้งสุดท้ายของพวกเขา พวกเขาต้องแสดงแต่ละที่อย่างรวดเร็วในแจคสันวิลล์และซาแวนนาห์ เพื่อรวมตัวเพื่อนเก่าและสร้างมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ ไมค์และทุกคนได้เรียนรู้จังหวะการเคลื่อนไหวแบบใหม่และสร้างความสะเทือนให้ผลงานที่ผ่านมาได้อย่างคาดไม่ถึง

    แชนนิง ทาทัม ซึ่งกลับมารับบทนำและอำนวยการสร้าง "Magic Mike XXL" อธิบายว่า "คุณรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่สำคัญมากขาดหายไป เขาไม่ได้เปิดติดเหมือนอย่างเวลาที่เขาเต้น"

    สำหรับไมค์แล้ว สิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องเงินทอง ผู้หญิง งานปาร์ตี้ หรือชื่อเสียง แต่เป็นสิ่งที่เขารัก แล้วทีมเต้นที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังล่ะ นั่นคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี โดยเขาบรรยายถึงเรื่องราวใหม่นี้ว่า "ภาคแรกเล่าถึงการที่เขาปฏิเสธชีวิตแบบนั้นเพราะกลัวว่ามันอาจรั้งเขาไว้จากการลองดูว่าเขาทำอะไรอย่างอื่นได้อีกบ้าง แต่ตอนนี้เมื่อเขาก้าวออกมาแล้วและเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เขาก็กลับมานึกถึงสิ่งดีๆ และความสนุกของงานนี้ และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อนๆ ที่เคยร่วมการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นกับเขา"

    "อะไรๆอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบและคนเหล่านั้นก็เช่นกัน แต่เขาก็รักเพื่อนพ้องและพวกเขาก็เคยมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน ไมค์ทำงานหนักมากนับจากฉากจบของหนังภาคแรก และเราก็กลับมาพบเขาในจุดที่เขาตระหนักว่าต้องการมนต์ขลังแบบเดิมๆ กลับมา เขาต้องการบางส่วนของวิถีชีวิตที่เต็มที่แบบนั้นเพื่อปลุกเร้าตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง" ทาทั่ม กล่าว

    ได้เวลาที่จะออกไปข้างนอกและสนุกให้เต็มที่เพื่อทำสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ดังนั้นเมื่อเหล่าอดีตราชาแห่งแทมป้าแวะไปหาเขาระหว่างทางไปยังงานชุมนุมนักเต้นเปลื้องผ้าที่ชายหาดเมอร์เทิล งานซึ่งชวนตื่นเต้นเร้าใจไม่แพ้ชื่องาน เมจิก ไมค์ ก็ไม่อาจห้ามใจได้ เขาเข้าร่วมทีมด้วย

    เกรกอรี เจค็อบส์ ผู้กำกับ "Magic Mike XXL"สะท้อนความรู้สึกของคนดูหนังทั่วโลกด้วยการกล่าวว่า "ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ ผมชอบตัวละครกลุ่มนี้ และความเป็นไปได้ที่จะติดตามเรื่องราวของพวกเขาก็กระตุ้นความสนใจผมมาก รวมถึงในแง่ที่ไมค์กลับมารื้อฟื้นความผูกพันและมิตรภาพกับคนกลุ่มนี้ด้วย การที่เขาตระหนักว่าตัวเองคิดถึงเพื่อนๆ และเพื่อนๆ ก็คิดถึงเขาเช่นกัน ผมคิดว่าคงดีมากถ้าทีมนี้ได้กลับมารวมตัวกันอีกและทำออกมาเป็นหนังโร้ดทริป"

    สิ่งสำคัญคือรูปแบบการเต้นต้องไม่เพียงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เซ็กซี่และหนักหน่วงจนลืมหายใจแต่ต้องสอดคล้องไปกับเรื่องราวและตัวละครด้วยเกรกอรีเจค็อบส์(ผู้กำกับ)ยืนยันว่า "เราต้องการให้ท่าเต้นเชื่อมโยงกับตัวละครแต่ละตัวและสะท้อนพัฒนาการบางอย่างของตัวละครจนไปถึงจุดสูงสุดในตอนจบไม่ใช่แค่ความน่าตื่นตาตื่นใจที่ไม่สัมพันธ์กับอะไรเลย" 

    ทาทัมใช้ความเชี่ยวชาญของเขาในการทำงานร่วมกับฟอล์กและเจค็อบส์อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างสรรค์การเต้นที่ทรงพลังไม่เพียงเฉพาะในส่วนของเขาเองแต่สำหรับทุกๆบทซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจน่าอึดอัดใจกว่านี้ถ้าหากตัวเขาและนักออกแบบท่าเต้นรายนี้ไม่ได้ทำงานร่วมกันมานาน "เราใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆในห้องเพื่อพยายามค้นหาท่าเต้นที่ใช่" เขากล่าว "เราพูดกันว่า"อย่าเอาเป้าคุณไว้ตรงนี้สิขยับไปตรงนั้นอีกหน่อย’มันตลกมากเลยล่ะครับ"

    ความทุ่มเทของพวกเขาปรากฏชัดเจนโดยตลอดเริ่มต้นตั้งแต่จังหวะแรกในการเต้นเปิดของทาทัมการเต้นเดี่ยวฟรีสไตล์ที่น่าตื่นเต้นของไมค์ในโรงรถที่เขาทำเฟอร์นิเจอร์เมื่อได้ยินเพลง "Pony" ของ Ginuwineทางวิทยุสำหรับเมจิกไมค์นี่เป็นเพลงประจำตัวของเขาและการได้ยินเพลงนี้ก็ยังคงทำให้ร่างกายเขาอดไม่ได้ที่จะขยับตามเหมือนเขาเต้นตามลำพังเพียงเพื่อความพอใจของตัวเองโดยนำเอาสว่านและเครื่องขัดที่เขาใช้ทำงานมาประกอบการเต้นอย่างลงตัวขณะไถลตัวไปตามโต๊ะงานช่างและหมุนเก้าอี้พร้อมกับมีดนตรีช่วยนำไปอาจกำลังย้ำเตือนกับตัวเองว่าการเต้นยังคงเป็นส่วนหนึ่งในตัวตนของเขา

    แม้เป็นเรื่องแต่งทั้งหมดแต่องค์ประกอบและบรรยากาศบางส่วนในโลกของไมค์ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ของทาทัมเองในช่วงแรกๆ ที่เขาเป็นนักเต้น และทั้งหมดนั้นไม่สามารถบรรจุอยู่ในการเล่าเรื่องครั้งเดียวได้  "สิ่งหนึ่งที่แชนนิงพูดขึ้นมาตั้งแต่แรกคือเรื่องที่เขาเดินทางไปยังงานชุมนุมนักเต้นเปลื้องผ้าเมื่อสมัยก่อน" มือเขียนบทเรด แคโรลินกล่าว ตัวเขารวมถึงนิค เวชสเลอร์,เจค็อบส์ และทาทัม กลับมาเป็นผู้อำนวยการสร้างในหนังภาคต่อนี้ “เราพยายามใส่เรื่องนี้ลงไปในภาคแรก แต่มันเป็นฉากใหญ่ซึ่งเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งในตัวมันเอง"

    นักแสดงที่มารับบทบาทรู้สึกยินดีเช่นเดียวกับตัวละครที่ได้นำโชว์นี้ออกตระเวนไป "ไม่เคยมีช่วงที่น่าเบื่อเลยครับ" โจ แมงกาเนลโลกล่าว เขากลับมารับบทบิ๊กดิ๊กริชชี (บีดีอาร์)ร่วมกับแม็ตต์ โบเมอร์ในบทหนุ่มหล่อเพอร์เฟ็กต์ เคน, อดัม โรดริเกซในบทหนุ่มละตินสุดฮ็อต ติโต, เควิน แนช ในบทหนุ่มดิบเถื่อน ทาร์ซาน และการ์เบรียล อิเกลเซียส ในบทเอ็มซีผู้ใช้ชีวิตเสเพล โทไบแอส "ตอนที่เราได้รับเลือกให้มาเล่นภาคแรก ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเราจะเข้ากันได้ดีขนาดนี้ แต่มันกลับใช้เวลาไม่นานเลย เหมือนโชคชะตาพาให้เรามาร่วมทีมกัน ทุกอย่างลงตัวพอดี เกร็กเป็นคนใจดีและผมคิดว่าอารมณ์นั้นได้ถ่ายทอดลงมาสู่บทด้วย ซึ่งโดยหลักแล้วก็เป็นเรื่องของเพื่อนพ้องที่ช่วยดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวอีกฝ่ายออกมาและมีช่วงเวลาดีๆร่วมกัน"

    ทุกสิ่งมาถึงจุดไคลแม็กซ์ที่งานชุมนุมนักเต้นเปลื้องผ้า ในสถานที่ซึ่งถนนหลายสายจะมาบรรจบกัน ไมค์และโซอีกลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์ที่อาจเป็น "โชคดีครั้งที่สาม" และไมค์ก็ได้พบเพื่อนเก่าที่กลายมาเป็นพิธีกรสุดมั่นของโชว์นี้ ปารีส รับบทโดยเอลิซาเบ็ธ แบงค์ส ผู้เฝ้าประตูของงานนี้ซึ่งสงสัยว่าไมค์ยังคงมีความมหัศจรรย์อยู่ในตัวจริงหรือไม่

    ปารีสยังได้พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเธอยังคงทำให้เขาประหลาดใจได้เมื่อไมค์ค้นพบว่าพวกเขาอาจไม่ได้เป็นผู้ร่วมงานกลุ่มเดียวที่มีอดีตน่าสนใจแต่สิ่งที่งานนี้นำเสนอคือโอกาสที่จะให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนักเต้นที่มีความสามารถนี้ได้ฉายแสงในการเต้นเดี่ยวอันเร้าใจหลากหลายรูปแบบ ก่อนจะนำไปสู่การเต้นอันน่าตื่นตาที่ทุกคนรอคอย ซึ่งก็คือการเต้นของแชนนิง ทาทัมและทวิตช์ ที่จะมาปะทะกันด้วยพลังอันร้อนแรงในการเต้นคู่ โดยอยู่คนละฝั่งของกรอบรูปขนาดยักษ์ที่แบ่งเวทีหลักออกเป็นสองส่วน

    รูปแบบการเต้นนั้นเป็นความคิดของทาทัม โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่เขาและทวิตช์มีร่างกายที่เข้ากันได้พอดีและการเต้นนี้ก็น่าจะช่วยสร้างสิ่งที่แตกต่างออกไปมาก สำหรับตัวละครไมค์และมาลิค มันเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างการเต้นร่วมกันและการแข่งขันกัน

    "มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน การเต้นโดยเป็นเงาสะท้อนของคนอีกคนหนึ่ง ยิ่งเป็นการเต้นกับแชนนิง ทาทัมด้วยแล้วซึ่งแค่เรื่องนั้นก็น่าตื่นเต้นแล้วล่ะ" ทวิตช์กล่าว "เวลาที่คู่เต้นของคุณเคลื่อนตัวไปทางขวา คุณจะต้องไปทางซ้าย และต้องเต้นด้วยความเร็วที่ตรงกันและมีรายละเอียดที่เหมือนกันด้วย”นักเต้นรายนี้ยอมรับว่ามันเป็นแนวทางใหม่ด้วยในแง่ที่ว่า "นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเต้นโดยมีเครื่องแต่งกายน้อยชิ้นมาก เพราะฉะนั้นผมไม่ได้กังวลแค่เรื่องการเต้นให้ถูกสเต็พและถูกจังหวะ รวมถึงมุมที่เหมาะกับกล้อง แต่ผมรู้ว่าเมื่อถึงตอนจบผมจะต้องยืนโชว์ก้นอยู่ ความร่วมมือร่วมใจเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยได้ครับ ผมมองซ้ายมองขวาแล้วก็ยังเห็นว่ามีเพื่อนๆ ที่ยืนอยู่เหมือนกัน"

    อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าคนจะต้องชอบ "ผมคิดว่าเราเก็บค่าเข้าชมจากคนที่มาดูแชนนิงกับทวิตช์ซ้อมก็ยังได้" เจค็อบส์กล่าว เขาจัดฉากการเต้นครั้งนี้ในห้องที่เต็มไปด้วยนักแสดงตัวประกอบที่กระตือรือร้น "ทั้งคู่เป็นนักเต้นที่เก่งมาก การเต้นครั้งนั้นน่าทึ่งและผลตอบรับก็ถล่มทลาย เมื่อการเต้นจบลงและกางเกงถูกถอดออก และพวกเขายืนอยู่โดยใส่แต่กางเกงใน นั่นเป็นเสียงฮือฮาดังที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาเลย"

    งานชุมนุมนี้ยังเป็นที่ซึ่งเคนได้ประกาศความเป็นนักร้องด้วยการถ่ายทอดบทเพลง "Untitled (How Does it Feel)" ของ D'Angelo อย่างเปี่ยมอารมณ์ ซึ่งก็เป็นการร้องเพลงในหนังครั้งแรกของแม็ตต์ โบเมอร์ด้วย "มันเหมือนฝันที่กลายเป็นจริงเลยครับ" เขากล่าวก่อนจะบรรยายถึงที่มาของแนวคิดนี้ "ระหว่างถ่ายทำหนังภาคแรก เราออกไปข้างนอกและสนุกสนานกับนักแสดงตัวประกอบ วันหนึ่งแชนนิงส่งไมโครโฟนให้ผมแล้วถามว่า "คุณทำอะไรได้บ้าง" แล้วโจซึ่งรู้จักผมตั้งแต่อายุ 18 ก็พูดว่า "ร้องเพลงสักเพลงสิ" ผมก็เลยร้อง แชนนิงจำเรื่องนั้นได้และเมื่อเราเริ่มทำภาคต่อ เขาก็คิดว่าผมควรจะร้องเพลง มันเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเลยครับ ผมต้องขอบคุณมากที่เกร็กให้ทุกคนได้นำความสามารถบางอย่างของตัวเองมาใส่ลงไปในหนังเรื่องนี้"

    ความจริงใจ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และความสนุกสนานร่วมกันในหมู่นักแสดงปรากฏชัดในตัวหนัง เวลาหลายชั่วโมงที่พวกเขารวมตัวกันเพื่อทำงาน ฝึกฝน ฝึกซ้อม และสังสรรค์ด้วยกันสะท้อนถึงมิตรภาพความผูกพันที่ปรากฏใน "Magic Mike XXL" ได้อย่างชัดเจน

    สำหรับทาทัมแล้วแกนหลักของหนังคือ "เรื่องของผู้ชายที่ทำอะไรแบบผู้ชายและพยายามค้นหาว่าผู้หญิงต้องการอะไร ครั้งนี้คุณจะได้เข้าใกล้พวกเขามากขึ้นและเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็น จริงอยู่ พวกเขาออกจะบ้าบออยู่บ้าง แต่พวกเขาก็แค่พยายามใช้ชีวิตและสนุกกับมัน มีหลายส่วนที่ตลกและไร้สาระ แต่หลายครั้งมิตรภาพก็เป็นอย่างนี้ล่ะ พวกเขาออกโชว์ในคืนสุดท้ายและคุณรู้ว่ามันจะจบลงโดยทุกคนใส่กางเกงในอยู่บนเวที คนเหล่านี้เดินอยู่ที่ริมขอบและรู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น แต่ทุกคนต่างก็รักกันและจะไม่มีใครยอมปล่อยให้คนอื่นต้องตกลงไป สุดท้ายคุณก็รักพวกเขาที่เป็นแบบนั้น" 

    ขณะที่ เจค็อบส์ ผู้กำกับกล่าวทิ้งท้ายว่า "ผมหวังว่าผู้ชมจะรู้สึกเหมือนได้ออกเดินทางไปกับหนุ่มๆ กลุ่มนี้ มันเป็นการเดินทางที่สนุก ตลก และสุดขีดกับกลุ่มเพื่อนดีๆเหนือสิ่งอื่นใดผมหวังว่าผู้ชมจะพบว่าการดูหนังเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่เพลิดเพลินเช่นเดียวกับที่เรารู้สึกตอนทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา"

 

 

 ​

 

 

http://www.siamdara.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X