ผู้ป่วยหลายคนรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่รับประทานกล้วย เนื่องจากกล้วยมีทริปโตเฟนซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นเซโรโทนิน ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ปรับสภาพอารมณ์และทำให้คุณรู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้น

 

 

หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานกล้วยแทนดูสิ เพราะวิตามินบี 6 ในกล้วยจะช่วยปรับระดับกลูโคสในกระแสเลือดทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น

 

3. โลหิตจาง

 

กล้วยมีธาตุเหล็กสูงจึงสามารถกระตุ้นการสร้างฮีโมโกลบินในกระแสเลือด นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องโลหิตจางได้ด้วย

 

 

ผลไม้เขตร้อนชนิดนี้มีโปแตสเซียมสูงมาก แต่มีเกลือต่ำ เหมาะแก่การนำมารับประทานเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตกับโรคหลอดเลือดสมอง

 

 

การรับประทานกล้วยเป็นอาหารเช้า ช่วงพัก และอาหารกลางวันจะช่วยบำรุงสมองเนื่องจากกล้วยมีโปแตสเซียมสูงซึ่งทำให้มีความรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น

 

 

หากมีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย ขอแนะนำให้รับประทานกล้วยเนื่องจากกล้วยอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร

 

 

หนึ่งในวิธีรักษาอาการเมาค้างที่เร็วที่สุดคือการดื่มมิลค์เชคกล้วยผสมน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้อาการท้องไส้ปั่นป่วนสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะสร้างระดับน้ำตาลในกระแสเลือดขึ้นมาใหม่ ขณะที่นมจะช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับระบบภายในร่างกาย

 

 

กล้วยเปรียบเสมือนยาลดกรดตามธรรมชาติ หากคุณเป็นโรคกรดไหลย้อนลองรับประทานกล้วยดูสิ เพื่อให้อาการเหล่านี้ทุเลาลง

 

 

การรับประทานกล้วยเป็นของทานเล่นระหว่างมื้อจะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือดและลดอาการแพ้ท้องได้

 

 

ก่อนที่จะใช้ครีมบรรเทาอาการแมลงสัตว์กัดต่อย ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยถูบริเวณที่ถูกยุงกัดดูสิ หลายคนพบว่ามันช่วยลดอาการบวมและอาการระคายเคืองได้อย่างน่าอัศจรรย์

 

 

กล้วยอุดมด้วยวิตามินบีซึ่งช่วยควบคุมระบบประสาท รายงานสรุปว่าเพื่อหลีกเลี่ยงอาการอยากอาหารที่มากเกินไป เราต้องควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดโดยการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่ และกล้วยคือคำตอบ!

 

 

กล้วยเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะลำไส้ผิดปกติเนื่องจากลักษณะผิวที่เรียบและนุ่มของมัน นอกจากนี้กล้วยยังช่วยปรับสภาพความเป็นกรดให้เป็นกลางและลดอาการแปรปรวนโดยการช่วยเคลือบกระเพาะอาหารเอาไว้

 

 

ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมองว่ากล้วยคือผลไม้ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ทั้งทางกายภาพและทางอารมณ์ของผู้ที่ตั้งครรภ์ ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทยคุณแม่ตั้งครรภ์จะรับประทานกล้วยเพื่อให้ลูกที่ออกมาเป็นเด็กใจเย็น ดังนั้นกล่าวได้ว่ากล้วยคือยารักษาโรคตามธรรมชาติ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับแอปเปิ้ล กล้วยมีโปรตีนมากกว่าถึง 4 เท่า มีคาร์โบไฮเดรตมากกว่า 2 เท่า ฟอสฟอรัสมากกว่า 3 เท่า วิตามินเอกับธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า และวิตามินเกลือแร่มากกว่า 2 เท่า นอกจากนี้กล้วยยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียมและเป็นแหล่งอาหารที่มีค่าที่สุด

 

เอาล่ะบางทีตอนนี้อาจถึงเวลาเปลี่ยนวลีฮิตจาก “แอปเปิ้ลวันละผลห่างไกลโรค” มาเป็น “กล้วยวันละผลห่างไกลโรค” กันแล้วล่ะ