|
1.คนติดเชื้อ (ทั้งในตะวันออกกลางและเอเชีย) ไม่ใช่คนที่เดินตามท้องถนน ส่วนใหญ่ติดจากโรงพยาบาล อย่างน้อย 25 เคส ในเกาหลีใต้เป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ ใกล้ชิดกับชายที่ติดเชื้อคนแรก ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
2.ยังไม่มีข้อสรุปว่า ไวรัสแพร่กระจายได้อย่างไร แพร่มาทางอากาศหรือไม่ (ถ้าแพร่ทางอากาศได้ มันจะอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศได้เป็นชั่วโมง) หรือไวรัสติดอยู่ตามผ้าปูเตียงหรือสิ่งของที่ผู้ป่วยใช้
3.การแพร่ระบาดในเกาหลีใต้ (ถ้าไม่นับในซาอุฯ) มีลักษณะต่างจากประเทศอื่น เพราะกระจายไปเยอะกว่า จริง ๆ แล้วมีหลายประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ หรือในยุโรป เช่น เนเธอแลนด์ แต่ประเทศเหล่านั้นไม่มีการแพร่กระจาย ติดกันอยู่แค่คนสองคน
ก่อนหน้าที่จะมีเคสเกาหลีใต้ มีความเชื่อว่าเมอร์ส ติดไม่ง่าย เพราะจะติดหรือส่งผลต่อระบบหายใจส่วนล่างของมนุษย์ซึ่งยากมากที่จะแพร่เชื้อไปสู่คนต่อไป แต่กรณีเกาหลีใต้ไม่เป็นเช่นนั้น
4.ยังมีข้อมูลหรือความรู้ไม่มากว่าไวรัสตัวนี้กลายพันธุ์ได้หรือไม่ ( แต่เป็นเรื่องปกติที่ไวรัสจะกลายพันุธ์) สำหรับ เคสเกาหลีใต้ ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังมุ่งศึกษาตรงนี้ ที่อยากรู้คือ Genetic Order หรือการเรียงลำดับของยีนของเจ้าตัวที่แพร่ในเกาหลีใต้ ว่ามันมีหน้าตาอย่างไร ซึ่งตอนนี้เกาหลีใต้ได้ส่งตัวอย่างให้ห้องแลป ที่เนเธอแลนด์แล้ว
ลักษณะของการระบาดในเกาหลีใต้ เรียกว่า Super Spreading Event ซึ่งต่างจากการระบาดของประเทศอื่น ( ยกเว้นชาอุดิอาระเบีย)
วิธีป้องกันที่คนเกาหลีใต้กำลังรณรงค์กันอยู่ ได้แก่
1.หากมีอาการเหล่านี้ ให้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสเมอร์ส คือ ไข้สูงเกิน 38 องศา ไอ หายใจติดขัด
2.ขณะไอหรือจาม ควรใช้กระดาษชำระหรือผ้าเช็ดหน้า
3.ควรล้างมือบ่อย ๆ
4.ไม่ควรใกล้ชิดกับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสเมอร์ส
5.พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ต่างๆ เช่น อูฐ ค้างคาว แพะ
6.ไม่ควรดื่มนมอูฐที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ และ หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้ออูฐที่ปรุงไม่สุก
ขณะที่ สำนักข่าวที่ประเทศเกาหลี ก็ได้ออกคำแนะนำ ด้านการรับประทานอาหาร ที่จะสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเมอร์สโดยควรทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ ปลา นม และเต้าหู้ นอกจากนี้ อาหารที่เป็นที่นิยม อย่างกิมจิและถั่วนัตโตะ ก็ได้รับการแนะนำว่าควรทานด้วย รวมถึงยังควรเน้นทานผัก ผลไม้ เพื่อเสริมสร้างวิตามิน
ขอขอบคุณที่มา www.sanook.com