รู้ทัน 5 อาหาร ต้นเหตุกลิ่นตัวแรง
2015-05-14 14:04:39
Advertisement
คลิก!!!

"เหงื่อ" ที่ร่างกายคนเราผลิตออกมานั้น เมื่อทำปฏิกิริยาเคมีกับแบคทีเรียที่หมักหมมอยู่บนผิวหนังของเราแล้ว ก็จะแปรสภาพเป็นกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่ทำให้ใครหลายต่อหลายคนต้องเสียเซลฟ์กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งวิธีแก้ปัญหากลิ่นตัวแรงที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว ก็คือการหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุน อาทิ กระเทียม และหัวหอม เป็นต้น แต่ทราบกันหรือไม่ว่า? ยังมีอาหารอีกหลายประเภท ที่เป็นต้นเหตุของปัญหากลิ่นตัวแรงเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะนานๆ กินทีก็ตามเถอะ ว่าแล้วเราลองมาดูตัวอย่างอาหาร 5 ชนิดที่มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นตัวแรงแบบที่คุณคาดไม่ถึงกันเลยดีกว่า

1. บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ

หลายคนคงกำลังงงว่าการรับประทาน บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี และ ดอกกะหล่ำ จะทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ยังไงกัน? ขอบอกว่าตัวการสำคัญก็คือเจ้าสารซัลเฟอร์ ที่มีอยู่ในผัก 3 ชนิดนี้นั่นแหล่ะ ที่จะคายกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมาผ่านทางต่อมเหงื่อของคุุณ แต่จะว่าไปแล้วประโยชน์ของเจ้าบร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี และดอกกะหล่ำ นั้นก็มีมากมายเกินกว่าที่จะตัดมันออกจากเมนูอาหารในชีวิตประจำวันเราได้ ซึ่งก็มีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยลดปฏิกิริยาเคมีของการเกิดกลิ่นตัวได้ เพียงแค่คุณนำผักไปลวกในน้ำเดือดที่ใส่เกลือเล็กน้อยก่อนจะนำไปรับประทาน ก็จะเป็นการช่วยแก้ปัญหานี้ได้ และยังไม่เป็นการทำลายคุณค่าทางสารอาหารอีกด้วย

https://www.pinterest.com/pin/492649931912309/

2. เนื้อแดง

การบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีสีแดง ทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว หรือแม้แต่ ตับ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์แบบที่คุณคาดไม่ถึงกันเลยแหล่ะ ทั้งนี้ก็เพราะกรดอะมิโนในเนื้อแดง เมื่อถูกย่อยจะก่อให้เกิดสารชนิดหนึ่งซึ่งมีผลต่อการเกิดกลิ่นตัว โดยจะถูกขับออกมาทางต่อมเหงื่อของร่างกาย และทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียที่หมักหมมอยู่บนผิวของคุณ ใครไม่อยากตัวเหม็นจนต้องร้องยี้ ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทเนื้อแดง หรือทานให้น้อยลง โดยอาจจะหันมาบริโภคอาหารทะเลแทนบ้างก็ได้

https://www.pinterest.com/pin/324048135664755968/

3. อาหารขยะ และ บรรดาฟาสต์ฟู๊ดทั้งหลาย

ใครที่เป็นสาวกอาหารฟาสต์ฟู๊ด และกำลังประสบกับปัญหากลิ่นตัวกวนใจ อาจต้องงดตามใจปากกันบ้างแล้วล่ะ เพราะนักวิจัยเค้ายืนยันมาแล้วว่าปริมาณน้ำตาลในอาหารเหล่านี้มีเยอะมาก ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคเบาหวานแล้ว ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหลังการรับประทานอาหารขยะทั้งหลาย อาจทำให้ร่างกายของคุณผลิตเหงื่อออกมามากขึ้น และเมื่อเหงื่อมาเจอกับแบคทีเรียบนผิวของคุณ กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็จะโผล่มาทักทายคุณได้น่ะซิ

4. อาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ (Low-carb diets)

เมื่อใดก็ตามที่คุณรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ร่างกายก็จะหันไปเบิร์นไขมันแทนการเบิร์นแป้ง นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่การกินอาหารแบบลดแป้งทำให้คุณลดน้ำหนักได้ แต่ก็อาจจะได้กลิ่นตัวมาเป็นของแถมได้อีกเช่นเดียวกัน ก็เพราะกระบวนการเผาผลาญไขมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณขับเหงื่อที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาได้ ดังนั้น วิธีที่เวิร์คที่สุดก็คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ตามปริมาณที่เหมาะสมสำหรับร่างกาย ไม่มากและไม่น้อยเกินไป

https://www.pinterest.com/pin/176133035398957208/

5. ชีส และ นม เนย ต่างๆ

อาหารประเภทชีส และ นม เนย ต่างๆ ซึ่งนอกจากจะย่อยยากแล้ว ยังเป็นตัวการอันก่อให้เกิดสารไฮโดรเจน ซัลไฟด์ หรือแก๊สไข่เน่าในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลต่อกลิ่นตัวกวนใจคุณได้อีกเช่นกัน  ฟังแล้วก็จำกัดปริมาณการบริโภคนมเนยกันหน่อยแล้วกัน อย่าสนุกกับการกิน จนสุดท้ายต้องมาปวดหัวกับปัญหากลิ่นตัวกันอีกเลย

ทราบถึงอาหารกันไปแล้ว  ก็พยายามหลีกเลี่ยงหรือจำกัดปริมาณการบริโภคให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้ ก็อย่าลืมใส่ใจในสุขภาพความสะอาดของร่างกาย อาจจะเสริมด้วยการใช้โรลออนระงับกลิ่นเหงื่อทุกครั้งหลังอาบน้ำ เพียงเท่านี้คุณก็จะหมดความกังวลกับปัญหากลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์แล้วล่ะ

 

ขอบคุณภาพประกอบ: http://pinterest.com

ขอขอบคุณที่มา  www.sanook.com

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X