ชาวเน็ตจีนแซว "ทังเวย" ซื่อเหลือเกิน โดนตุ๋นทางโทรศัพท์สูญเงินร่วมล้านบาท

สื่อจีนเปิดเผยว่านักแสดงสาวชื่อดังชาวจีนแผ่นดินใหญ่โดนภัยของการหลอกโอนเงินทางโทรศัพท์เข้าไปแล้ว และถึงกับเสียเงินให้กับเหล่ามิจฉาชีพไปถึง 210,000 หยวนเลยทีเดียว

ทีมงานของ ทังเวย ได้ยอมรับกับสื่อมวลชนจีน ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ได้มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดว่านักแสดงสาวมากฝีมือโดนหลอกเงินจำนวน 210,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทย 1.1 ล้านบาท ไปด้วยวิธีใดกันแน่

ทังเวย ผู้โด่งดังจากบทในหนังอีโรติก Lust, Caution หรือ เล่ห์ ราคะ ยังฝากคำพูดผ่านทีมงานของเธอไปหาชาวจีนว่าเธออยากให้ทุกคนระวังกับเรื่องแบบนี้เอาไว้บ้าง เพราะเป็นภัยที่ทุกคนอาจจะโดนเข้าซักวัน

โดยปฏิกิริยาของชาวจีนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นแบ่งออกเป็นสองทาง ขณะที่บางคนแสดงความเห็นใจในโชคร้ายของ ทังเวย แต่ในเวลาเดียวกันก็มีจำนวนไม่น้อยที่เยาะเย้ยถากถางดาราสาวว่าเธอคงจะ "ซื่อ" อยู่ไม่น้อยที่หลงกลกับการหลอกลวงทางโทรศัพท์แบบนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่ยุคนี้ใคร ๆ ก็รู้ทันกันหมดแล้ว

"กลายเป็นว่าคนอย่างทังเวยนี่กลับซื่อบริสุทธิ์มากเลยนะ ที่โดนหลอกแบบนี้เอาได้" ชาวเน็ตจีนคนหนึ่งให้ความเห็น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เห็นใจเธออย่างความเห็นที่ว่า "คนดังก็คือคนธรรมดานี่แหละ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะโดนหลอกแบบนี้ อย่าไปมัวแต่ตำหนิเธอเลย มองในแง่เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนจะดีกว่า"

ปัจจุบันการต้มตุ๋นทางโทรศัพท์เป็นคดีอาชญากรรมประเภทฉ้อโกงที่กำลังระบาดอยู่ในหลาย ๆ ประเทศ โดยมิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปหาเหยื่อและใช้เหตุผลต่าง ๆ หว่านล้อมให้เหยื่อหลงเชื่อจนโอนเงินไปให้ ซึ่งในเมืองจีนก็มีคดีความลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของเซียงไฮ้ได้เปิดเผยว่าปีที่ผ่านมา มีการต้มตุ๋นลักษณะนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 40%

โดยส่วนใหญ่เหยื่อของคดีลักษณะนี้มักจะเป็นคนมีเงิน, ผู้สูงอายุ, ผู้เกษียณอายุ และคนที่ไมมีการศึกษา ที่บางครั้งไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร ส่วนคนรุ่นใหม่ และคนมีการศึกษามักจะไม่ค่อยตกเป็นเหยื่อนัก ซึ่งส่วนใหญ่มิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ เพื่อขอความร่วมมือให้เหยื่อโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตัวเองเข้าสู่ "บัญชีนิรภัย" เพื่อเหตุผลสำคัญบางอย่าง แต่อันที่จริงแล้วบัญชีดังกล่าวคือบัญชีส่วนตัวที่มิจฉาชีพเปิดเอาไว้นั่นเอง

ข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th