นอกจากจะเป็นหนังทำเงินแห่งปีของสหรัฐฯ แล้ว The Hunger Games: Catching Fire ยังกลายเป็นหนังที่มีผู้หญิงแสดงนำเป็นตัวหลักของเรื่อง เรื่องแรกในรอบ 40 ปี ที่ได้เป็นหนังทำเงินแห่งปี และยังเป็นหนัง 2D เรื่องแรกนับตั้งแต่ปี 2008 ที่สามารถทำเงินสูงสุดประจำปีได้อีกด้วย

The Hunger Games: Catching Fire ได้กลายเป็นหนังที่ทำเงินสูงที่สุดประจำปี 2013 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังหนังสามารถทำเงินแตะระดับ 409.4 ล้านเหรียญฯ แซงหน้า Iron Man 3 ที่ทำเงิน 409 ล้านฯ ไปได้ในที่สุด และภาคต่อของ The Hunger Games ก็ยังคงลงโรงฉายในสหรัฐฯ ต่อไปเรื่อย ๆ หลังเข้าฉายมาตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. 2013 โดยคาดว่าสุดสัปดาห์ระหว่างวันที่ 10 – 12 ม.ค. หนังน่าจะเก็บเงินเพิ่มไปอีก 1.2 ล้านเหรียญฯ และอยู่ในอันดับ 12 ของตารางหนังทำเงินประจำสัปดาห์ต่อไป

โดยหนังเรื่องนี้นับเป็นหนังที่มีผู้หญิงเป็นตัวนำมีบทบาทเดินเรื่อง ที่สามารถทำเงินเป็นอันดับ 1 ประจำปีเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีเลยทีเดียว นับจากที่หนังสยองขวัญสุดดัง The Exorcist เคยทำเงินเป็นอันดับหนึ่งไว้เมื่อปี 1973 โดย The Exorcist มี ลินดา เบลร์ และ เอลเลน เบอร์สตีน รับเป็นนำเป็นแม่ลูกผู้โชคร้ายที่โดยผีร้ายรังควาน ซึ่งถือเป็นบทนำของหนังเท่าเทียมกับนักแสดงชายอีก 2 คนคือ แม็กซ์ วอน ซีโดว์ และ เจสัน มิลเลอร์ ผู้รับบทเป็นนักบวชที่รับหน้าที่ขับไล่ผี

นอกจากนั้น Catching Fire ยังเป็นหนังเรื่องแรกนับจากปี 2008 ที่ทำเงินในสหรัฐฯ สูงสุดประจำปีได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ฉายในระบบ 3-D โดย จอน เฟลเธเมอร์ CEO –ของ Lionsgate ผู้สร้าง และจัดจำหน่ายหนังเรื่องนี้ ได้กล่าวถึงความสำเร็จของหนังชุดนี้ว่า คงต้องให้เครดิตไปที่วิสัยทัศน์ของ ซูซาน คอลลินส์ ผู้แต่งนิยายต้นฉบับเช่นเดียวกับ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ ผู้กำกับหนัง “และการแสดงอันน่าจดจำของเหล่านักแสดงมากพรสวรรค์ที่นำโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ผู้ยอดเยี่ยม และต้องให้เครดิตที่ทีมงานทั้งหมด รวมถึงทีมการตลาด และจัดจำหน่ายด้วย”

สำหรับการฉายทั่วโลก Catching Fire กวาดเงินไปได้ 823.8 ล้านเหรียญฯ เป็นรอง Iron Man 3 และ Despicable Me 2 ที่ทำเงินทั่วโลกไป 1,200 และ 921 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับ

http://www.manager.co.th