ปรับตัว-ยอมรับในสิ่งที่เป็น สูตรการครองรักให้ยาวนาน (ไทยโพสต์)

          ปัญหา การหย่าร้างกันของคู่แต่งงานในยุคนี้มีให้เห็นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนเดินดินธรรมดา หรือแม้กระทั่งดาราชื่อดังในบ้านเรา ส่วนหนึ่งอาจมาจากทัศนคติที่ไม่ตรงกัน ตลอดจนการที่ผู้หญิงในปัจจุบันสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาฝ่ายชายเพียงอย่างเดียว ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีส่วนทำให้อัตราการหย่าร้างเพิ่มสูงขึ้น และผลพวงจากการเลิกรานั้น ก็มักนำมาซึ่งปัญหาครอบครัวมากมาย

          แพทย์หญิง เรขา กลลดาเรืองไกล จิตแพทย์แผนกประกันสังคม โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 กล่าวว่า สาเหตุของการหย่าร้างของคู่แต่งงานในยุคนี้มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น...

          1. การใช้เวลาคบหาดูใจกันน้อยเกินไปก่อนแต่งงาน จึงทำให้ต่างฝ่ายมองเห็นแต่เพียงเรื่องที่ดี ๆ ของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยที่ยังไม่ทันได้มองเห็นข้อเสียซึ่งกันและกัน เมื่อตกลงใจมาคบหาหรือแต่งงานกัน จึงทำให้ไม่สามารถยอมรับข้อเสียของอีกฝ่ายหนึ่งได้

          2. มาจากการที่ก่อนแต่งงานไม่ได้มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน ทำให้หน้าที่ต่าง ๆ ในบ้านมักตกเป็นของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นทั้งการทำงานนอกบ้านและการทำงานในบ้าน และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นบางคู่แต่งงานไม่ยอมเปิดใจพูดคุยกัน จึงทำให้ปัญหาสะสมและลุกลามจนนำมาสู่การขัดแย้งและการเลิกรา

          3. เรื่องของความซื่อสัตย์ในครอบครัวไทยนั้นลดลง ดังนั้น เมื่อคู่แต่งงานต่างไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจ และไม่มีความซื่อสัตย์ต่อกัน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการหย่าร้างตามมาได้

          4. ในปัจจุบันเรื่องของค่านิยมในการแต่งงานหลายครั้งนั้น ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลกหรือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่มักนิยมแต่งงานเพียงครั้งเดียว และการที่ผู้หญิงในสมัยก่อนแต่งงานหลายครั้ง ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

          5. ความอดทนอดกลั้นของคู่แต่งงานมีน้อยลง ส่วนหนึ่งเพราะสังคมในยุคนี้เป็นยุคแห่งความทันสมัย และการใช้ชีวิตที่ต้องเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับผู้หญิงไทยในปัจจุบันสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น จึงทำให้ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือตนเองมากขึ้น และแคร์ความรู้สึกกันน้อยลงนั่นเอง

          ส่วนเรื่อง ของทัศนคติที่ไม่ตรงกันของทั้งคู่แต่งงาน และผู้ที่คบหาดูใจเป็นแฟนกันนั้น คุณหมอเรขา กล่าวว่า ไม่ได้มีส่วนสำคัญหรือไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่ทำให้เกิดการหย่าร้างกัน เพราะการที่คนเราไม่เข้าใจกันและมีทัศนะที่ไม่ตรงกัน แล้วตัดสินใจมาคบหากันนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก และไม่มีน้ำหนักเพียงพอต่อการมาคบหาดูใจกันตั้งแต่แรก แต่เหตุผลดังกล่าวนั้นเป็นคำพูดโดยรวม เพื่อต้องการสื่อสารให้ทราบถึงเหตุผลที่เลิกคบหากัน โดยให้ออกมาดูไม่รุนแรงมากนักนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม หากคู่แต่งงานเลิกกันแล้วสามารถเป็นเพื่อนกัน หรือทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองให้แก่ลูกต่อไปได้ ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี ดังนั้น หากคู่แต่งงานใดสามารถคบกันได้ โดยการมองว่าต่างฝ่ายต่างเป็นผู้ที่ต่างเข้ามาเติมเต็มให้แก่กัน ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง

          ขณะเดียวกัน คุณหมอได้เผยให้ทราบถึงแนวโน้มของการหย่าร้างในอนาคตว่า หากพูดถึงในแง่ของการจดทะเบียนหย่าร้างนั้นจะมีปริมาณลดน้อยลง เพราะคนส่วนใหญ่มักแต่งงานและอยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส หากเลิกกันจึงไม่ต้องจดทะเบียนหย่าร้าง แต่หากเป็นแนวทางปฏิบัติ เช่น การคบหาดูใจกันนั้น มองว่าจะมีแนวโน้มเลิกกันมากขึ้น เนื่องในสังคมปัจจุบันทั้งผู้หญิงและผู้ชายสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะผู้ชายก็ไม่ต้องจำเป็นรอ หรือขอความช่วยเหลือจากภรรยาในเรื่องของการเป็นแม่บ้าน ขณะเดียวกันผู้หญิงเองก็ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายในเรื่องของการหาเงินจุนเจือ ครอบครัว เพราะผู้หญิงมีบทบาทและมีความสามารถในการประกอบอาชีพเหมือนเช่นผู้ชายมาก ขึ้น

สำหรับเทคนิคหรือเคล็ดลับในการช่วยให้คู่แต่งงานครองรักกันยาวนานนั้น มีดังนี้...

          1. คู่แต่งงานควรปรับตัวข้าหากันให้ได้ ขณะเดียวกันก็ควรหาข้อตกลงในการใช้ชีวิตที่ต่างฝ่ายต่างยอมรับได้

          2. คู่แต่งงานต้องยอมรับในสิ่งที่สามีหรือภรรยาของคุณเป็น เช่น นิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือความชอบส่วนตัวของแต่ละบุคคล และต้องทำความเข้าใจถึงเรื่องเหล่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน

          3. หากมีปัญหาเกิดขึ้นในชีวิตแต่งงาน ทั้งสองฝ่ายควรที่จะเปิดใจคุยกันในทุก ๆ เรื่อง โดยต้องไม่ปิดบังซึ่งกัน เพราะความผิดเล็กน้อยที่ปกปิดไว้อาจลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่โต จนนำมาสู่การหย่าร้างได้เช่นกัน

          4. คู่แต่งงานควรมีความซื่อสัตย์ต่อกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง

          5. คู่แต่งงานควรหาเวลาว่างในการไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในการใช้ชีวิตคู่ให้แนบแน่นและลึกซึ้งมากยิ่ง ขึ้น

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม