|
เคยได้ยินข่าวคนมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงทันทีทันใด พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย และสุดท้ายเสียชีวิตแบบกระทันหันไหม ? หลายคนอาจคิดว่าอาการเหล่านี้เป็นเพียงอาการเล็กน้อยที่สามารถหายได้เอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการเหล่านี้ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะสาเหตุอาจมาจากเลือดออกในสมอง หรือภาวะ Hemorrhagic Stroke ซึ่งเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตได้ แล้วภาวะ Hemorrhagic Stroke คืออะไร มาหาคำตอบได้ในบทความนี้
Hemorrhagic Stroke คืออะไร ?
Hemorrhagic Stroke หรือภาวะเลือดออกในสมอง คือภาวะที่หลอดเลือดในสมองแตกหรือฉีกขาด ทำให้เลือดไหลออกมาสู่เนื้อสมอง ส่งผลให้เซลล์สมองขาดออกซิเจนและสารอาหาร นำไปสู่การตายของเซลล์สมองอย่างรวดเร็ว ภาวะนี้เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและทุพพลภาพในผู้ป่วยจำนวนมาก
สาเหตุของภาวะเลือดออกในสมอง
สาเหตุหลักของภาวะ Hemorrhagic Stroke คือความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุม ทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอและแตกในที่สุด นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น ความผิดปกติของหลอดเลือดแต่กำเนิด เช่น หลอดเลือดโป่งพอง (aneurysm) หรือความผิดปกติของหลอดเลือดฝอย (arteriovenous malformation) การใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด และการบาดเจ็บที่ศีรษะ
อาการของภาวะเลือดออกในสมอง
อาการของภาวะเลือดออกในสมองมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ได้แก่
แนวทางการตรวจวินิจฉัย
เมื่อสงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีภาวะเลือดออกในสมอง แพทย์จะทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด และส่งตรวจเพิ่มเติมด้วยการถ่ายภาพรังสีสมอง เช่น CT scan หรือ MRI เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและประเมินความรุนแรงของภาวะเลือดออก นอกจากนี้ อาจมีการตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของระบบการแข็งตัวของเลือดและตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง
วิธีการรักษาภาวะเลือดออกในสมอง
การรักษาภาวะเลือดออกในสมองต้องทำอย่างเร่งด่วนเพื่อลดความเสียหายต่อเนื้อสมอง แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงและตำแหน่งของเลือดที่ออก ซึ่งอาจประกอบด้วย
ภาวะเลือดออกในสมองหรือ Hemorrhagic Stroke คือภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อันตรายถึงชีวิต แต่หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตและฟื้นฟูสมรรถภาพได้ การรู้จักสังเกตอาการเบื้องต้นและรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความพิการในระยะยาว