รอยตีนกา หรือริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของคนเรานั้น เกิดจากกการแสดงสีหน้า และอารมณ์ต่าง ๆ ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม หัวเราะ พูดคุยระหว่างวัน หรือว่าเครียด ล้วนทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยทั้งสิ้น โดยเฉพาะบริเวณหางตาและช่วงระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเมื่อนานวันเข้า ริ้วรอยเหล่านี้ก็จะลึกและคงอยู่ให้เห็นบนใบหน้า ทำให้เกิดความรู้สึกว่า... หน้าแก่เกินวัย (ฮึ้ย... แค่คิดก็ขนลุกแล้ว)

แต่สาว ๆ อย่าพึ่งเป็นกังวลซะจนไม่กล้าหัวเราะ หรือไม่ยอมยิ้มให้ใครหรอกนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้มีวิธีการลบรอยตีนกาที่เห็นผลได้ชัดเจน นั่นก็คือ... การลบรอยตีนกาด้วยการฉีด Botox และการผ่าตัด ว่าแล้วเราไปดูกันดีกว่าว่าแต่ละวิธีเนี่ยเขาทำกันอย่างไร...

การลบรอยตีนกาที่หางตาและรอยย่นระหว่างคิ้ว ด้วยการฉีด Botox

เป็นการฉีดยาเข้าไปในกล้ามเนื้อ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ผลที่ตามมาก็คือรอยย่นของผิวหน้าซึ่งเกิดจากการดึงรั้งของกล้ามเนื้อนั้น ๆ ก็จะสลายหายไป หลังจากฉีด Botox แล้ว 2 – 3 วัน ยาจะออกฤทธิ์และเห็นผลชัดเจนใน 7 วัน

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของการฉีด Botox คือ ยาจะมีฤทธิ์ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หลังจากที่ยาหมดฤทธิ์แล้วต้องมาฉีดซ้ำ

การลบรอยตีนกาที่หางตาและรอยย่นระหว่างคิ้ว ด้วยการผ่าตัด

การผ่าตัดจะใช้การฉีดยาชา หลังผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยสามารถกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หลักการของการผ่าตัดคือจะผ่าเข้าไปดึงผิวหนังบริเวณตีนกาให้ตึงขึ้น และตัดกล้ามเนื้อบริเวณหางตาซึ่งเป็นสาเหตุของรอยตีนกา หลังผ่าตัดจะบวมเล็กน้อยที่ขมับ โดยจะมีแผลผ่าตัดยาวประมาณ 4 – 5 เซนติเมตร ที่บริเวณหนังศีรษะบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง ซึ่งหลังจากแผลหายแล้ว จะไม่เห็นแผลเป็น เนื่องจากแผลจะถูกปิดด้วยเส้นผม ทั้งนี้ สามารถสระผมได้หลังการผ่าตัด 2 วัน โดยแพทย์จะนัดตัดไหมประมาณ 7 – 10 วันหลังผ่าตัด

อย่างไรก็ตาม การลบรอยตีนกาด้วยการผ่าตัด สามารถลบเลือนริ้วรอยได้ในระยะยาวหลายปี โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดบ่อย ๆ ค่ะ

อ๊ะ ๆ แม้จะมีวิธีลบรอยตีนกาที่สามารถเลือกทำได้ง่าย ๆ แบบนี้แล้ว คุณสาว ๆ ก็ไม่ควรละเลยการเอาใจใส่ดูแลผิวพรรณของคุณให้ชุ่มชื่นและมีสุขภาพผิวดีอยู่เสมอด้วยนะคะ

ข้อมูลจาก

www.kapook.com