โรคเอสแอลอี หากดูแลอย่างดี โรคจะไม่กำเริบ
2012-09-07 15:10:23
Advertisement
คลิก!!!
ตรวจโรค


โรคเอสแอลอี หากดูแลอย่างดี โรคจะไม่กำเริบ (หมอชาวบ้าน)
โดย : รศ.นพ.กิตติ โตเต็มโชคชัยการ

โรคนี้แปลกตรงที่ยังไม่มีชื่อเรียกเป็นภาษาไทย เลยไม่รู้จะบอกชื่อเป็นภาษาไทยได้อย่างไร แต่หลายคนก็เคยได้ยินโรคนี้กันมาบ้างแล้ว เพราะราชินีนักร้องลูกทุ่งคนดัง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ก็เสียชีวิตด้วยโรคนี้

โรคเอสแอลอี (SLE) ย่อมาจากชื่อเต็มในภาษาอังกฤษว่า systemic Iupus erythematosus หรือเรียกง่าย ๆ ว่าโรคลูปัส เป็นโรคที่มีอาการเกิดขึ้นกับหลายระบบหรือหลายอวัยวะในร่างกาย ซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงไป โดยแทนที่จะทำหน้าที่ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรคจากภายนอกร่างกาย กลับมาต่อต้านหรือทำงานเซลล์ของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ก่อให้เกิดการอักเสบได้เกือบทุกอวัยวะของร่างกาย

อวัยวะที่เกิดการอักเสบได้บ่อย ได้แก่ ผิวหนัง ข้อ ไต ระบบเลือด ระบบประสาท เป็นต้น การอักเสบนี้จะเป็นต่อเนื่องจนเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง

อะไรเป็นสาเหตุ

ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรคนี้ แต่มีหลักฐานที่บ่งบอกว่าปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้มีส่วนร่วมในการทำให้เกิดโรคได้ คือกรรมพันธุ์ฮอร์โมนเพศหญิง ภาวะติดเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไวรัสบางอย่าง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมที่อาจทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคแล้ว หรือผู้ที่มีโอกาสเป็นโรคนี้ มีโอกาสกำเริบขึ้น เช่น แสงแดด หรือแสงอัลตราไวโอเลต การตั้งครรภ์ ยาหรือสารเคมีบางชนิด การออกกำลังกายหรือทำงานหนัก ภาวะเครียดทางจิตใจ

ใครมีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้บ้าง

ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 20-45 ปี ที่พบมากสุดอยู่ในช่วงอายุประมาณ 30 ปี แต่ก็พบได้ในทุกช่วงอายุ ยังพบว่าผู้หญิงเป็นโรคเอสแอลอีมากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า

ผู้ป่วยที่เป็นโรคเอสแอลจึงจะมีอาการอย่างไร

โรคนี้เป็นโรคเรื้อรังที่มีอาการเกิดขึ้นกับหลายอวัยวะ หรือหลายระบบของร่างกาย บางรายอาการเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน บางรายมีการแสดงออกเพียงอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งทีละระบบ เช่น มีปวดบวมตามข้อ มีผื่นขึ้นที่หน้า มีขาบวม หน้าบวมจากไตอักเสบ หรือมีอาการทางระบบประสาท เป็นต้น บางรายมีอาการเฉียบพลันรุนแรง บางรายมีอาการค่อยเป็นค่อยไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

อาการที่เกิดขึ้นกับอวัยวะต่าง ๆ ที่สำคัญคือ

อาการทางผิวหนัง : ผู้ป่วยมักมีผื่นแดงขึ้นที่บริเวณใบหน้า บริเวณสันจมูก และโหนกแก้ม 2 ข้าง เป็นรูปคล้ายผีเสื้อ หรือมีผื่นแดงคันบริเวณนอกร่มผ้าที่ถูกแสงแดด หรือมีผื่นขึ้นเป็นวง เป็นแผลเป็นตามใบหน้า หนังศีรษะ หรือบริเวณใบหู มีแผลในปากโดยเฉพาะบริเวณเพดานปาก นอกจากนี้ยังมีผมร่วงมากขึ้น

อาการทางข้อและกล้ามเนื้อ : ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการปวดข้อมักเป็นที่ข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อไหล่ ข้อเข่า หรือข้อเท้า บางครั้งมีบวมแดงร้อนร่วมด้วย

อาการทางไต : ผู้ป่วยมักมีอาการบวมบริเวณเท้า 2 ข้าง ขา หน้า หนังตา เนื่องจากมีอาการอักเสบที่ไต รายที่มีอาการรุนแรงจะมีความดันเลือดสูงขึ้น ปัสสาวะออกน้อยลง ไปจนถึงขั้นไตวายได้ในระยะเวลาอันสั้น

อาการทางระบบเลือด : ผู้ป่วยอาจมีเลือดจาง มีเม็ดเลือดขาวหรือเกล็ดเลือดลดลง ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย มีภาวะติดเชื้อง่าย หรือมีจุดเลือดออกตามตัวได้

อาการทางระบบประสาท : ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการชัก หรือมีอาการพูดเพ้อเจ้อไม่รู้เรื่อง หรือคล้ายคนโรคจิตจำญาติพี่น้องไม่ได้ เนื่องจากมีการอักเสบของสมองหรือหลอดเลือดในสมอง

นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการทั่วไป เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ จิตใจหดหู่ร่วมด้วยได้

ให้พึงสังเกตว่าอาการของโรคมักจะแสดงความรุนแรงมากหรือน้อยภายในระยะเวลา 1-2 ปีแรก จากที่เริ่มมีอาการ หลังจากนั้นมักจะเบาลงเรื่อย ๆ แต่อาจมีอาการกำเริบรุนแรงได้เป็นครั้ง ๆ

เมื่อไรควรสงสัยว่าเป็นโรคนี้

1. มีไข้ต่ำ ๆ ไม่ทราบสาเหตุ เป็นเวลานาน

2. มีอาการปวดตามข้อ

3. มีผื่นขึ้นบริเวณใบหน้า หรือมีผื่นคันบริเวณที่ถูกแสงแดด

4. มีผมร่วงมากผิดปกติ

5. มีอาการบวมตามขา หน้าหรือหนังตา

การรักษาโรคนี้ทำอย่างไร

การรักษา โรคเอสแอลอี จะต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโรคของผู้ป่วย การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องของผู้ป่วย และการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้ทำการรักษา

การเลือกวิธีการรักษาโรคนี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย ถ้าผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง การใช้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือแอสไพริน หรือยาลดการอักเสบก็ควบคุมอาการได้

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงขึ้น อาจต้องใช้ยาประเภทสตีรอยด์หรือยากดภูมิคุ้มกันในขนาดต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัย ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับความรุนแรงและระบบอวัยวะที่มีการอักเสบ

ผู้ป่วยโรคนี้ ควรปฏิบัติตัวอย่างไร

การปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการรักษาโรคเอสแอลอีให้ได้ผล การปฎิบัติตัวที่ถูกต้องทำได้ดังนี้

1. พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดตั้งแต่ช่วง 10.00-16.00 น. ถ้าจำเป็นให้กางร่ม ใส่หมวก สวมเสื้อแขนยาว ใช้ยาทากันแดด

2. พักผ่อนให้เพียงพอ

3. หลีกเลี่ยงความตึงเครียด พยายามฝึกจิตใจให้ปล่อยวาง ทำใจยอมรรับกับโรคและปัญหาอื่น ๆ

4. ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ

5. ไม่กินอาหารที่ไม่สุกหรือไม่สะอาด

6. กินอาหารที่มีแคลเซียมสูง

7. ไม่กินยาเองโดยไม่จำเป็นเพราะยาบางตัวอาจทำให้โรคกำเริบได้

8. ป้องกันการตั้งครรภ์ขณะโรคยังไม่สงบ และหลีกเลี่ยงการคุมกำเนิดโดยวิธีใส่ห่วง เพราะมีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าปกติ

9. เมื่อโรคอยู่ในระยะสงบสามารถตั้งครรภ์ได้ โดยได้รับการตรวจจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

10. หลีกเลี่ยงจากสถานที่แออัด และไม่เข้าใกล้ผู้ที่กำลังเป็นโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด เพราะมีโอกาสติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้ง่าย

11. ถ้ามีลักษณะที่บ่งชี้ว่าการติดเชื้อ เช่น ไข้สูง หนาวสั่น มีฝีตุ่มหนองตามผิวหนัง ไอเสมหะเหลือง-เขียว ปัสสาวะแสบขัด ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

12. หากกินยากดภูมิคุ้มกันอยู่ ให้หยุดยานี้ชั่วคราวในระหว่างที่มีการติดเชื้อ

13. มาตรวจตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ

14. ถ้ามีอาการผิดปกติที่เป็นอาการของโรคกำเริบให้มาพบแพทย์ก่อนนัด เช่น มีอาการไข้เป็น ๆ หาย ๆ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด บวม ผมร่วง ผื่นใหม่ ๆ ปวดข้อ เป็นต้น

15. ถ้ามีการทำฟัน หรือถอนฟัน ให้กินยาปฎิชีวนะก่อนและหลังทำฟัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยต้องปรึกษาแพทย์สม่ำเสมอ

ผู้ป่วยโรคเอสแอลอีจะเสียชีวิติก็ต่อเมื่อ

1. จากตัวโรคเอง ผู้ป่วยมีอาการอักเสบรุนแรงของอวัยวะสำคัญ เช่น ไต สมอง หลอดเลือด โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที

2. จากภาวะติดเชื้อ เนื่องจากโรคนี้ทำให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติอยู่แล้ว ยาที่ผู้ป่วยได้รับทั้งยาสตีรอยด์ และยากดภูมิคุ้มกันยิ่งทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป

3. จากยาหรือวิธีการรักษาที่ไม่ถูกต้อง หรือขนาดยาที่ไม่เหมาะสม

อ่านมาตั้งแต่ต้นจะเห็นว่า โรคเอสแอลอี เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่มีอาการและอาการแสดงได้หลากหลาย มีความรุนแรงได้ตั้งแต่น้อยจนถึงมาก การรักษาที่ถูกต้องเริ่มตั้งแต่มีอาการจะทำให้ผู้ป่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากโรค หรือเกิดความพิการน้อยลง

การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยอย่างถูกต้อง เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ ถึงแม้โรคนี้จะไม่หายขาด แต่ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะทำให้โรคเข้าสู่ระยะสงบได้ ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้เหมือนปกติทั่วไป


ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม

onlyfans leaked xxx onlyfans leaked videos xnxx 2022 filme porno filme porno
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X